บริษัทไมโครซอฟท์ประกาศลงทุนในแกร็บ ในฐานะ Strategic Partner ซึ่งจะทำให้แกร็บสามารถเข้าใช้ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ เช่น อาชัวร์ แพลตฟอร์มคลาวด์ยักษ์ใหญ่ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีที่ไมโครซอฟท์มีความเชี่ยวชาญด้วย
“แรนดาลล์ สเตเฟนสัน” ซีอีโอยักษ์ใหญ่ค่ายโทรคมนาคมเอทีแอนด์ทีประกาศแผนใหม่เอาใจนักลงทุน ด้วยการกระโดดลงในธุรกิจสตรีมมิ่งหวังแข่งเน็ตฟลิกซ์, ฮูลู, สลิงทีวี พร้อมดึงจุดแข็งด้านคอนเทนต์จากวอร์เนอร์มีเดีย (อดีตไทม์วอร์เนอร์ที่ถูกเอทีแอนด์ดีควบกิจการไปและเปลี่ยนชื่อเป็นวอร์เนอร์มีเดีย) ให้บริการผู้บริโภค
สำหรับสิ่งที่แรนดาลล์ สเตเฟนสัน กล่าวต่อนักวิเคราะห์คือ ผู้บริโภคยุคใหม่เป็นกลุ่มที่เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีราคา ตอบโจทย์กับความต้องการของตนเอง และส่วนหนึ่งก็นิยมแพคเกจที่มีราคาไม่แพง นั่นจึงทำให้เขามองว่า การเปิดบริการสตรีมมิ่งของเอทีแอนด์ทีในเวลานี้เหมาะสม พร้อมยอมรับว่าบริการอย่างเคเบิลและทีวีดาวเทียมนั้นไม่สามารถตอบโจทย์ด้านคอนเทนต์บันเทิงแก่ผู้บริโภคได้อีกต่อไป
สำหรับบริการจากเอทีแอนด์ทีนั้น ทางวอร์เนอร์มีเดีย บริษัทลูกของเอทีแอนด์ที ได้ออกมารับลูกด้วยการประกาศเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งเวอร์ชันเบต้าที่คาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 โดยมีทั้งสิ้น 3 ระดับ
โดยแพคเกจเริ่มต้นเป็นคอนเทนต์จากวอร์เนอร์มีเดีย ซึ่งได้แก่ ภาพยนตร์ต่างๆ ส่วนแพคเกจพรีเมียมเป็นคอนเทนต์ออริจินัลที่ผลิตขึ้นเป็นการเฉพาะ และภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ ส่วนรูปแบบสุดท้ายเป็นการบันเดิลคอนเทนต์จากวอเนอร์มีเดีย และคอนเทนต์จากบริษัทภายนอก
จอห์น สแตนคีย์ ซีอีโอของวอร์เนอร์มีเดียกล่าวต่อนักวิเคราะห์ว่า หวังว่าทั้งสามแพคเกจนี้จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และเป็นราคาที่ผู้บริโภคสามารถจ่ายได้
แต่การตัดสินใจเช่นนี้ก็ทำให้วอร์เนอร์มีเดียกลายเป็นคู่แข่งของดีสนีย์ อดีตพันธมิตรทางธุรกิจไปโดยปริยายด้วย
เพื่อเตรียมเปิดตัวบริการของตัวเองในครั้งนี้ วอร์เนอร์มีเดียยังได้ยกเลิกบริการอย่าง FilmStruck, DramaFever และโปรแกรมในต่างประเทศอื่นๆ ลงทั้งหมด ซึ่งสแตนคีย์กล่าวว่า การยกเลิกบริการเหล่านั้นเพื่อให้มั่นใจว่าวอร์เนอร์มีเดียจะสามารถนำคอนเทนต์ที่มีมาสร้างการเติบโตให้เกิดขึ้นได้
สำหรับ WatchTV บริการ OTT ที่เอทีแอนด์ทีเปิดตัวมากับค่าบริการ 15 ดอลลาร์สหรัฐนั้น ปัจจุบันมีช่องแล้วกว่า 30 ช่อง รวมถึงช่องของ CNN, TNT และ TBS ด้วย
บริการสตรีมมิ่งของเอทีแอนด์ทีนั้น ได้ทำให้บริการกลายเป็นคู่แข่งของเน็ตฟลิกซ์, Sling TV, CBS รวมถึงเป็นคู่แข่งของผู้ให้บริการเคเบิลอย่าง Comcast Charter Communications ด้วย
อ้างอิง : hollywoodreporter.com