3 เหตุผล ทำไมควรลงทุนในซอฟต์แวร์บิสสิเนส ณ ขณะนี้

23 July 2020 Technology

หลายบริษัทต่างกำลังลดต้นทุน แต่การใส่เทคโนโลยีเข้าไปในกระบวนการทำงานกลับช่วยได้ในส่วนที่สำคัญที่สุดได้

องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) คาดการณ์ว่าการเติบโตทั่วโลกจะติดลบ 6-7.6% ในปี 2020 และอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีเพื่อให้อัตราการเติบโตกลับมาเหมือนช่วงก่อนวิกฤตโควิด ทำให้หลายธุรกิจชะลอการลงทุน หยุดการจ้างงานและหยุดใช้จ่าย อย่างไรก็ตามผู้นำธุรกิจบางรายกลับมองว่านี่เป็นจังหวะดีที่จะทำให้เสริมประสิทธิภาพให้ธุรกิจ ดึงส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น รวมทั้งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญๆ อย่างคุ้มค่า Harvard Business Review แนะนำว่า ให้รุกและรับโดยเริ่มจากการสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้นกับธุรกิจก่อน เพื่อให้มั่นใจว่ามีสภาพคล่อง แล้วค่อยหากลยุทธเพื่อเอาชนะคู่แข่ง

สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบันทำให้บริษัทซอฟต์แวร์มากมายปรับประมาณการปี 2020 ลง แต่บางบริษัท อย่างเช่น Anvyl กลับมองตรงกันข้าม ข้อมูลต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันที่ธุรกิจยินดีใช้จ่ายในเครื่องมือที่จะทำให้ทีมสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นแก่ลูกค้าได้และยังได้รับผลตอบแทนชัดเจนและเหตุผลสามประการต่อไปนี้ที่จะบอกว่าทำไมการลงทุนในซอฟต์แวร์ ณ ขณะนี้สามารถทำให้ธุรกิจคล่องตัวและกลับมาทำกำไรได้

  • ขยายแต่ไม่เพิ่มคน
    ถ้าคุณกำลังคิดจะจ้างพนักงานใหม่เพื่อขยายธุรกิจ สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือการจ้างคนใหม่แต่ละคนจะเป็นต้นทุนองค์กร นอกจากเงินเดือน สิทธิประโยชน์และภาษีบุคคลแล้ว ยังมีรายจ่ายต่างๆ เกี่ยวกับฝึกคนใหม่อีกด้วย ก่อนจะจ้างจึงควรมองว่าทีมของคุณทำงานเต็มที่หรือยัง ควรประเมินว่าการเพิ่มประสิทธิภาพนั้นสามารถทำผ่านซอฟต์แวร์หรือการออกแบบวิธีการทำงานที่ดีขึ้นได้หรือไม่ พิจารณาอุปสรรคและแก้ไขประเด็นที่ทำให้ล่าช้า ทำให้ไม่บรรลุ หรือมีผลต่อประสิทธิภาพขององค์กร ถ้ามองอย่างใกล้ชิด เราก็จะเห็นโอกาสที่มีอยู่ในธุรกิจทั้งสิ้นตัวอย่างเช่น ลูกค้ารายหนึ่งของบริษัท Anvyl ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 300 เปอร์เซ็นต์ด้วยทีมงานเดิม เพียงแต่เพิ่มซอฟต์แวร์ติดตามและตรวจสอบการทำงานของซัพพลายเชน (Supply Chain Visibility Software) ร่วมกัน โดยก่อนที่จะประเมินผลตอบแทน บริษัทคาดว่าจะจ้างพนักงานเพิ่ม 2-3คน แต่เมื่อพบช่องว่างในกระบวนการ บริษัทก็ตั้งเป้าที่จะกู้คืนชั่วโมงแรงงานที่ไร้ประสิทธิผลถึง 6,000 ชั่วโมงงานโดยการใช้ซอฟต์แวร์ ทำให้บริษัทไม่ต้องจ้างคนเพื่อทำงานเอกสาร รับโทรศัพท์และส่งอีเมลล์ถึงคู่ค้าหรือตามเช็คไฟล์ต้นฉบับจากอีเมลล์เก่า ๆ
  1. ใช้ซอฟต์แวร์ออโตเมชั่นกับงานที่ต้องทำซ้ำๆ 

ปัจจุบัน ซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และมาชีนเลอร์นนิ่งเป็นที่แพร่หลายและมีราคาที่เข้าถึงได้สำหรับธุรกิจทุกขนาดและทุกอุตสาหกรรม ด้วยเหตุนี้จากการสำรวจความเห็นซีอีโอในปี 2019 โดยบริษัทการ์ทเนอร์พบว่ามีองค์กรที่ติดตั้งเอไอเพิ่มขึ้นถึง 270 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะขาดแคลนบุคคลากรก็ตาม

ซอฟต์แวร์เอไอและมาชีนเลอร์นนิ่งช่วยธุรกิจในงานที่น่าเบื่อและต้องทำซ้ำๆ ทำให้ทีมสามารถไปเน้นงานที่สร้างสรรค์หรืองานกลยุทธ์ได้ งานที่แต่เดิมเป็นความรับผิดชอบของพนักงานก็ให้เทคโนโลยีทำแทน ทำให้พนักงานมีความสุขมากขึ้น มีส่วนเกี่ยวข้องหรือประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น แชตบอท ดาต้าอนาลิติคหรือซอฟต์แวร์ด้านการขายและลีดเจเนอเรชั่นหรือเครื่องมือดึงกลุ่มเป้าหมายลูกค้า ยังไปได้อีกไกลในเรื่องช่วยลดความไม่มีประสิทธภาพของระบบการทำงาน 

  • ปรับปรุงการมองเห็น
    ความโปร่งใสในกระบวนการดำเนินงานของธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญเมื่อต้องเตรียมรับกับความท้าทายที่มองไม่เห็น ดังที่ธุรกิจโรงงานหลายแห่งได้เรียนรู้ในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุด และยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นถ้าระบุได้ถึงสิ่งที่จะก่อปัญหาให้กระบวนการทำงาน พร้อมทั้งต้องลดปัญหาได้ก่อนที่จะเกิดขึ้น การใช้ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้มองเห็นสิ่งเหล่านี้แบบเรียลไทม์ในทุกฟังก์ชั่นของกระบวนการทำาน เช่น ซัพพลายเชน ลอจิสติกส์ การขายและปิดการขายจะช่วยการตัดสินใจเชิงรุกมากขึ้นทีมผู้บริหารควรมองเห็นและเข้าถึงข้อมูลได้ทั้งหมดทุกฟังก์ชั่นและทุกแผนกตลอดเวลา การใช้ซอฟต์แวร์จะช่วยให้เข้าถึงข้อมูลของทุกแผนกได้สะดวกซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องข้อมูลหายเนื่องจากพนักงานลาออกและช่วยให้การตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัททำได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ภาวะเศรษฐกิจขาลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การเห็นโอกาสและจัดการแบบเด็ดขาดช่วยปรับปรุงแนววิธีของธุรกิจได้อย่างไม่น่าเชื่อ จงมุ่งเน้นเรื่องประสิทธิภาพธุรกิจสูงสุด ดึงส่วนแบ่งการตลาดให้มากขึ้นและลงทุนกับอนาคตของคุณ

อ้างอิง : Entrepreneur