ถ้าพูดถึงสินค้าประจำฤดูกาล “ต้นคริสต์มาส” น่าจะทำให้ใครหลายคนในตอนนี้นึกถึงมากที่สุด ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท McKinsey ได้คิดค้นต้นคริสต์มาสติดตั้งหรือถอดเก็บได้ ซึ่งตั้งอยู่บนล้อเลื่อนพร้อมสำหรับใส่ถุงคลุมและเก็บเข้าตู้ รอวันเทศกาลที่เวียนมาบรรจบอีกครั้งในปีถัดไป
Thomas “Mac” Haman เป็นลูกชายคนเดียว เมื่อตอนอายุ 25 ปี เขารับหน้าที่ดูแลโรงงานผลิตลวดเหล็กของครอบครัวที่กำลังประสบปัญหา ในช่วงเวลา 7 ปีนี้ เขาผ่านชีวิตการทำงาน และเรียนจบปริญญา MBA จาก Stanford และจุดประกายแนวคิดธุรกิจ Balsam เขาขายกิจการและได้เรียนรู้การดูแลบริหารและผลิตสินค้าเกี่ยวเนื่องกับลวดเหล็ก และใช้อินเทอร์เน็ตหาลูกค้ารายใหม่ เขาเชื่อมั่นว่า สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจผลิตและจำหน่ายต้นคริสต์มาสได้ผ่านช่องทางออนไลน์ เขามองว่าธุรกิจนี้ขึ้นอยู่กับฤดูกาล จึงสามารถทำเป็นธุรกิจเสริม พร้อมทำงานหลักอย่างอื่นไปด้วย จึงเริ่มต้นทำมันเมื่อปี 1999
Noble Fir คือสินค้ารุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Balsam Hill แม้ราคาจะสูงถึง 1,349 ดอลลาร์สหรัฐ ต้นคริสต์มาสนี้มีการ “ติดตั้งไฟในตัว” โดยประดับตกแต่งด้วยหลอดไฟ LED มากกว่า 1,000 ดวง
หลังธุรกิจเปิดบริการเมื่อปลายปี 2006 Balsam เติบโตอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะกวาดรายได้ราว 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ข้อมูลการสำรวจของ Nielsen ระบุว่ามีผู้ติดตั้งต้นคริสต์มาสในช่วงเทศกาลราว 100 ล้านครัวเรือนในสหรัฐฯ โดย 81% ของจำนวนดังกล่าว จะใช้ต้นคริสต์มาสเทียม ทั้งนี้ 90% ของตลาดต้นคริสต์มาสเทียมที่มีมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกครองโดยเครือข่ายค้าปลีกยักษ์ใหญ่ (เช่น Wal-Mart และ Home Depot) ซึ่งขายสินค้าของผู้ผลิตหลายรายในราคาต่ำกว่า Balsam ประมาณครึ่งหนึ่ง ส่วน Balsam มุ่งเป้าไปยังกลุ่มลูกค้าที่พร้อมควักกระเป๋าจ่ายเพื่อสินค้าคุณภาพสูงกว่า
Haman ออกแบบผลิตภัณฑ์ต้นไม้ตระกูลสนเทียมทั้งหมด 16 แบบ และเดินทางไปโรงงานผลิตต้นคริสต์มาสเทียมในจีน ด้วยเงินทุนที่ระดมจากเพื่อนฝูงและญาติบวกกับเงินเก็บจากการทำงานที่ McKinsey 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ สั่งซื้อต้นไม้เทียม 15,800 ต้น มาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์โดยเขียนคำอธิบายสินค้าด้วยตัวเอง พร้อมเปิดร้านแบบ pop-up ขึ้นที่ Stanford Mall และรูดจ่ายบัตรเครดิตเต็มวงเงิน 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้จ่ายด้านการทำตลาด จ้างที่ปรึกษาด้านการทำตลาดออนไลน์ ลงโฆษณาแบบ pay-per-click ทำให้ยอดขายช่วงเทศกาลปีแรกของ Balsam แตะ 2.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ Balsam Brands บริษัทแม่ของ Balsam Hill ตั้งอยู่ที่ Redwood City รัฐ California ซึ่งถือเป็นศูนย์รวมของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่ได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจร่วมลงทุน เช่น Box ผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ และ Shazam ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันค้นหาชื่อเพลง ดังนั้น Balsam จึงดูแตกต่างและโดดเด่นเหมือน Rudolf เจ้ากวางเรนเดียร์จมูกแดง
บริษัทที่ก่อตั้งมานาน 11 ปีแห่งนี้ ไม่เคยระดมทุนจากนักลงทุน ลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำมีเพียงส่วนน้อย และการจำหน่ายสินค้าประเภทนี้ก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาลมากที่สุด “หากมองในแง่ธุรกิจ มันเป็นแนวคิดที่บ้าบอและไม่เข้าท่าเอาเสียเลย” Haman ในวัย 41 ปีกล่าวกับ Forbes
สำนักงานใหญ่ของ Balsam ตั้งอยู่ชั้นบนของอาคาร 2 ชั้นที่สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 ส่วนชั้นล่างเป็นที่ทำการของธนาคาร ภายในสำนักงานประดับประดาด้วยไฟระยิบระยับและต้นคริสต์มาสเทียม Haman กล่าวกับเพื่อนฝูงใน Silicon Valley ที่พากันหัวเราะที่เขาพยายามเจรจาเช่าตึกให้ได้ยาวถึง 14 ปี (แต่สุดท้ายสรุปที่ 9 ปี)
“เพื่อนๆ ผมเปลี่ยนงานไปแล้ว 4 รอบในช่วง 20 ปี แต่ผมยังยืนหยัดมุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจนี้” เขากล่าว “และนี่ก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดใน Silicon Valley”
เรียบเรียง: Forbes Thailand
play youtube,
play youtube,
xnxx,
xhamster,
xvideos,
xnxx,
xxx,
sex việt,
Phim sex,
tiktok download,
MP3 download,
Fragrance Mont Blanc,
phim sex hay,
sex mex,
mp3play,
Crossing Jorden,
Related Posts
ถอดบทเรียนและสิ่งที่ต้องเดิมพันใน Deep Tech Startup จาก Silicon Valley สู่ไทยDeep Tech จะเป็นคำที่ได้ยินกันบ่อยมากขึ้น ขณะเดียวกันการเติบโตของ Deep Tech Startup ในแง่ของเม็ดเงินลงทุน ก็มีการเติบโตแซงหน้าสตาร์ทอัพกลุ่มอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ด้วยความเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง สร้างความแตกต่าง แก้ปัญหาของโลกด้วยวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ จนต่อยอดสร้างประโยชน์ให้วงการธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคต่างๆ กำเนิดเป็นวงจรใหม่ๆ…