ไทยตั้งเป้าเป็น 1 ใน 20 สตาร์ทอัพเนชั่น 3 ปีข้างหน้า

10 August 2018 Startups

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ตั้งเป้าประเทศไทยติด 1 ใน 20 อันดับแรกสตาร์ทอัพเนชั่นของโลก

พร้อมมุ่งสร้างองค์กรธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมให้ได้ 3,000 ราย และสร้างงานถึง 50,000 ตำแหน่งงาน ภายในปี 2564

นางสาวธีรีสา มัทวพันธุ์ รองผู้อำนวยการด้านยุทธศาสตร์องค์กร สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) กล่าวในงานเสวนา “New Startup Symposium: The Power of Creativity & Innovation” จัดโดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ว่า ประเทศไทยตั้งเป้าสู่การติด 1 ใน 20 อันดับแรกของการเป็นสตาร์ทอัพเนชั่นเช่นกัน ซึ่งการจะมุ่งไปสู่จุดนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ดังจะเห็นได้จากการสนับสนุนจากภาครัฐที่มีมากขึ้นในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น ประเทศไทยยังมี Venture Capitalists (VC) มากถึง 120 ราย และ 70 รายในจำนวนนั้นคือ CVC (Corporate-VC)

“ปัจจุบัน จำนวนสตาร์ทอัพที่มาลงทะเบียนกับ NIA และเข้ารับการซัพพอร์ตอยู่ที่ 1,700 ราย ซึ่ง NIA เชื่อว่าคงมีมากกว่านี้ ส่วนสถาบันการศึกษาที่ให้การสนับสนุนนั้น ปัจจุบันมีมากกว่า 30 แห่งด้วยกัน” นางสาวธีรีสากล่าว

“เราต้องการสร้างสตาร์ทอัพเนชั่นเพราะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจได้ โดยมีเป้าหมายจะสร้าง Innovation – Driven Enterprise ให้ได้ 3,000 ราย และคาดว่าจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ 5% ของจีดีพี รวมถึงสามารถสร้างอาชีพอย่างน้อย 50,000 ตำแหน่งภายในปี 2021 หรือ พ.ศ. 2564”

ทั้งนี้ NIA เปิดเผยว่า 5 อันดับของ “สตาร์ทอัพเนชั่น” ระดับโลกในปัจจุบัน ประกอบด้วย

1. อิสราเอล ประเทศต้นแบบสตาร์ทอัพของโลก ด้วยความเป็นศูนย์รวมด้านนวัตกรรมมากมายซึ่งเกิดจากแรงขับเคลื่อนของการเป็นประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรในหลายๆ ด้าน

2. สหรัฐอเมริกา จุดเด่นของสหรัฐอเมริกาคือการเป็นศูนย์กลางของ Tech Startup ที่สามารถสร้างงานได้มากกว่าองค์กรแบบเก่าได้ถึง 5 เท่าตัว

3. อังกฤษ จุดเด่นของอังกฤษคือการเป็นศูนย์กลางของฟินเทคโลก

4. อินเดีย ความสามารถของอินเดียคือการสร้างงานจำนวนมากได้จากการเป็นสตาร์ทอัพเนชั่น

5. จีน จุดเด่นของจีนคือตลาดที่มีขนาดใหญ่ และเป็นศูนย์รวมของสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกขณะนี้

นอกจากนี้ ในภูมิภาคต่าง ๆ ก็ยังมีการเติบโตของสตาร์ทอัพเนชั่นปรากฏอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน หรือมาเลเซีย