กับดักที่ควรเลี่ยงในการเริ่มธุรกิจดิจิทัล

29 July 2020 Startups

การทำธุรกิจออนไลน์จำเป็นต้องมีการวางแผน ผู้ประกอบการจะต้องประเมินความต้องการของตลาด มีความเข้าใจว่าจะใช้เครื่องมือและโฆษณาดิจิทัลให้ได้ผลอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งลูกค้าด้วยต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และถ้าสูตรนั้นได้ผล ธุรกิจก็สามารถขยายได้รวดเร็ว ดังที่ธนาคารโลกได้ระบุในรายงาน “การสร้างพลังผู้ประกอบการดิจิทัล” ว่า “ผู้ประกอบการดิจิทัลมากมายแจ้งเกิดระดับโลกและมีความสามารถที่จะเติบโตและขยายธุรกิจข้ามพรมแดนได้อย่างรวดเร็ว”

การใช้จ่ายออนไลน์เติบโตพุ่งพรวดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังคงเติบโตต่อเนื่องเพราะผู้คนยังต้องอยู่บ้าน และนี่คือการ “สร้างโอกาสมหาศาลให้แก่ร้านค้าบนอินเตอร์เน็ต” แมทธิว จัง กล่าว เขาคือผู้ร่วมก่อตั้ง Affiliate Institute บริษัทอบรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งในลาสเวกัสที่สร้างรายได้ให้สมาชิกเติบโตจากธุรกิจออนไลน์

เขาได้สร้างโปรแกรมแอคเซเลเรอเตอร์ที่เพิ่มพูนแนวทางด้านแอฟฟิลิเอท มาร์ทเก็ตติ้ง (affiliate-marketing practices) นอกเหนือจากเรื่องเทคนิคของอีคอมเมอร์ซแล้ว เขาบอกว่าสิ่งสำคัญคือต้องมีมายด์เซ็ทที่เหมาะสมและพร้อมที่จะหลุดจากข้อจำกัดส่วนตัว “โลกไม่ได้จดจำนักการตลาดที่ประสบความสำเร็จ แต่โลกจดจำคนที่ทำงานได้สุดยอดต่างหาก”

ในสหรัฐอเมริกา ตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์รายงานว่าอีคอมเมอร์ซคิดเป็นมูลค่าถึง 16% ของธุรกิจรีเทลทั้งหมด โดย Amazon.com มีธุรกิจหนึ่งในสามของอิคอมเมอร์ซ ดังนั้นธุรกิจขนาดเล็กจึงมีศักยภาพในการเข้าถึงผู้บริโภควงกว้าง อย่างไรก็ตาม ยังมีหลุมพรางที่ผู้ประกอบการควรหลีกเลี่ยง ได้แก่

  • ความไม่เข้าใจลูกเค้าเป้าหมาย
    การหว่านโฆษณาถือเป็นการผลาญเงินโดยเปล่าประโยชน์ แคมเปญการตลาดที่ไม่ดีก็คือการเพิ่มต้นทุนในการเข้าถึงลูกค้า ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริงเพื่อที่จะบริหารโฆษณาให้ได้ประโยชน์สูงสุด หมายรวมถึงให้มีประสิทธิภาพในเรื่องพื้นที่ ความสนใจ การออกแบบ กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมและปัจจัยอื่นๆ ที่นำไปสู่การเพิ่มลูกค้ามากขึ้นด้วยต้นทุนลดลงปริมาณการขายสินค้าจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น ตลาดออนไลน์สินค้าจำพวกเสื้อผ้า รองเท้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ จะมีถึง 4 ล้านล้านเหรียญในปีนี้ ชอปปิ้งผ่านเวปไซต์ก็ทำให้ความต้องการบริการออนไลน์เพิ่มขึ้น เช่น SEO (วิธีการที่จะทำให้เวปไซต์ขึ้นหน้าแรกเมื่อมีการใช้เครื่องมือค้นหา) การสร้างเวปไซต์ ออกแบบกราฟฟิค และการโฆษณา ความเข้าใจระดับสูงหมายถึงผู้ประกอบการระบุตลาดเฉพาะด้าน (niche) ได้อย่างเหมาะสม เมื่อรู้ว่าใครบ้างที่จะซื้อและใครบ้างที่จะไม่ซื้อบริษัทก็สามารถทำคอนเทนต์ของเวปให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากตลาด niche นั้น และการทำให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่ดีโดยการทำหน้า landing page (หรือหน้าเวปไซต์ที่คนคลิกเข้ามาหน้าแรก) จดหมายข่าว โบว์ชัวร์ และการโพสต์บนโซเชียลเพื่อดึงทราฟฟิคที่เกี่ยวข้อง เมื่อบริษัทมีคอนเทนต์ดีขึ้น ก็จะปรับปรุงวิธีการดึงดูดคนที่น่าจะเป็นลูกค้าให้เข้ามาหา (inbound marketing) รวมทั้งเพิ่มความผูกพันธ์กับผู้ใช้ (user engagement)เจ้าของร้านค้าที่มีหน้าร้านอาจจะทำได้ง่ายกว่าเพราะมีกลุ่มผู้บริโภคซึ่งอาจจะเป็นคนที่อาศัยใกล้เคียงหรือที่อยูในเมืองนั้น แต่ออนไลน์ไม่มีพรมแดนทางภูมิศาสตร์ชัดเจน ก็ช่วยให้สร้างบุคคลดิจิทัลที่กำลังเป็นเป้าหมายของคุณ นักช็อปในความคิดของคุณเป็นอย่างไรและมีพฤติกรรมอย่างไร สไตล์เสื้อผ้าและรองเท้าแบบไหนที่พวกเขากำลังมองหา อะไรที่น่าจะเหมาะสมที่สุด คุณอาจจะสามารถหาเครื่องมือดูโพรไฟล์จากแพล็ตฟอร์มโซเชียลที่ช่วยสร้างโพรไฟล์กลุ่มเป้าหมายได้ เจ้าของธุรกิจไม่สามารถออกแบบสิ่งที่เป็น niche ได้โดยไม่รู้จักลูกค้า
  • ทำงานเหมือนหมาป่าฉายเดี่ยว
    การมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องออนไลน์ไม่ว่าเรื่อง SEO โฆษณา อีคอมเมอร์ซ แคมเปญอีเมลล์ต่าง ๆ และโซเชียลมีเดียจะช่วยได้มาก แต่ก็อาจมีจุดบอดให้หงุดหงิดได้ คุณอาจจะเก่งเรื่องการใช้โฆษณาเฟซบุ้กแต่มีปัญหาเรื่องการเขียน landing page หรือคุณอาจจะมีแคมเปญผ่านอีเมลล์ในอัตราสูงแต่มีปัญหาเรื่องการแปลงให้เป็นยอดขายได้ต่ำ สก๊อตต์ สมิท ผู้ก่อตั้ง 7 Figure Surfer กล่าวว่า “ในช่วงหกปีที่ผมทำงานออนไลน์ ผมมักจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เริ่มจากศูนย์และใช้เงินหลายพันเหรียญไปในเรื่องกระบวนการ”สมิทจัดการกับปัญหาเหล่านี้ด้วยการพึ่งพาพี่เลี้ยง 2-3 คนเพื่อแสดงให้เขาเห็นถึงโซลูชั่น และกำลังใจ ผู้มีประสบการณ์สามารถช่วยผู้ประกอบการได้ว่าอะไรเวิร์คอะไรไม่เวิร์ค ซึ่งช่วยได้มาก ไม่ต้องปวดหัวเสียเวลาเสียเงิน และยังเป็นความคิดที่ดีจะเข้าร่วมงานประชุม พบปะหรืองานสร้างเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนและติดต่อกับผู้รู้ การใช้ความชำนาญของคนอื่น (ในเรื่องที่คุณไม่รู้) ช่วยเพิ่มประสิทธิผลของแคมเปญ ซึ่งในการตั้งธุรกิจ การปรับแต่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ให้ผลตอบแทนยิ่งใหญ่ได้
  • อย่าเอาท์ซอร์สแต่ใช้เครื่องมือออโตเมชั่น
    การเอาท์ซอร์สทำให้เจ้าของธุรกิจเข้าถึงทักษะของคู่สัญญาอิสระได้ในราคาที่ไม่แพง และปรับปรุงธุรกิจให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้เพราะคู่สัญญาจะถนัดในงานเฉพาะนั้นๆ ดีกว่าคุณ ผู้ช่วยเสมือนจริงช่วยให้คุณมีเวลาไปมุ่งเน้นดูแลหาลูกค้าและการสนับสนุนหลังการขายมากขึ้น การจ้างคนผลิตวิดีโอสร้างสรรค์วิดีโอ TikTok ก็ประหยัดเวลาและต้นทุนได้มากกว่าที่จะทำเองหรือใช้เครื่องมือที่ช่วยประหยัดเวลา เครื่องมือด้านออโตเมชั่น Neuro.net ทำงานเหมือนคอลล์เซนเตอร์เอาท์ซอร์สสำหรับลูกค้ารีเทลในการดูแลจากตัวแทนเสมือนจริงแม้จะเป็นบทสนทนาที่ซับซ้อนก็ตาม ซึ่งบริษัทบอกว่าระบบดังกล่าวทำงานได้มีอารมณ์เหมือนมนุษย์มาก โดยที่ 99 เปอร์เซนต์ของผู้ใช้บริการไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นโรบอท นั่นอาจจะเป็นคำกล่าวอ้าง แต่ที่แน่ ๆ Powerry ซึ่งเป็นบริษัทประมวลผลข้อมูลเชื่อในระบบนี้โดยได้ลงทุนใน Neuro.net ถึง 5.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับเจ้าของธุรกิจที่ไม่สามารถลงทุนด้านการดูแลลูกค้าเต็มเวลาได้เมื่อบริษัทเติบโตมากขึ้นและยิ่งสำคัญมากที่เจ้าของธุรกิจจะต้องใช้เวลาอันจำกัดของตนในกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญต่อความสำเร็จ งานที่ไม่จำเป็นก็ควรให้คนอื่นทำ ธุรกิจออนไลน์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทั่วโลกและขยายได้อย่างรวดเร็ว การรู้จักกลุ่มเป้าหมาย เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเดียวกัน และการสร้างทีมพื้นฐานจะช่วยให้คุณขยายธุรกิจได้

อ้างอิง: Entrepreneur