“หญิงเหล็ก” ที่มีบทบาทสำคัญในการดึง VC ของ Silicon Valley มาลงทุนในบริษัทที่มีเจ้าของเป็น “ผู้หญิง” –กรณีศึกษาการลงทุนของ Rethink Impact

3 December 2018 Startups

การที่ผู้ประกอบการที่เป็นผู้หญิงไม่ค่อยได้รับความสนใจจากบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) ของ Silicon Valley ทำให้บริษัท Rethink Impact ของ Jenny Abramson มองเห็นโอกาสที่จะทำกำไรในธุรกิจนี้

Jenny Abramson วัย 40 ปี มีอาชีพเป็น Venture Capitalist เป็นทั้งผู้ก่อตั้งและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัท Rethink Impact มีออฟฟิศอยู่ที่ Hera Hub ซึ่งเป็นพื้นที่ coworking space สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการสตรีใน Washington D.C เธอเป็นหญิงสาวที่ไว้ผมตรงยาวสีดำขลับ และหวีผมปัดไปทางด้านไหล่ขวา และคอยให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่ตัดสินใจละทิ้งงานประจำ เพื่อกระโจนเข้าสู่สนามของการเป็นผู้ประกอบการอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะเพศหญิง โดยมีประโยคเด็ดซื้อใจว่า “ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี”

Rethink Impact สามารถระดมทุนได้ถึง 112 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว เพื่อนำเงินไปลงทุนในกิจการสตาร์ทอัพของสตรีที่มีการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ (เงินระดมทุนที่ดูว่าไม่ได้มากมายอะไร) ถือเป็นเงินร่วมลงทุนก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ให้กับเจ้าของกิจการที่เป็นสตรี

จากข้อมูลของ CrunchBase ระบุว่าจำนวนบริษัทที่ประกอบธุรกิจร่วมลงทุนซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด 100 อันดับแรกของสหรัฐฯ มีบริษัทที่มีหุ้นส่วนผู้หญิงแค่ 8% เท่านั้น และใน 58 แห่งไม่มีหุ้นส่วนเป็นผู้หญิงเลย และข้อมูลที่รวบรวมโดย Pitchbook บ่งชี้ว่าบริษัทที่ก่อตั้งด้วยผู้หญิงมีเพียง 4.4% นับจากปี 2016 ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก VC และคิดเป็นเม็ดเงินน้อยกว่าร้อยละ 2 เท่านั้น

ทั้งๆ ที่มีรายงานสนับสนุนจาก First Round Capital บริษัทที่จัดให้มีการทบทวนโครงการลงทุนระยะเริ่มแรกราว 300 โครงการระหว่างปี 2005-2015 พบว่า กิจการที่ร่วมก่อตั้งโดยผู้หญิงมีผลการดำเนินงานดีกว่ากิจการที่มีผู้ชายเป็นเจ้าของสูงถึง 63%

Jenny Abramson กล่าวว่านี่เป็นตัวอย่างจากผลประกอบการของบริษัทเงินร่วมลงทุนเพียงแค่รายเดียว ในความเป็นจริง ยังมีผลการศึกษาอีกหลายชิ้นที่แนะนำการให้เงินทุนแก่ผู้ประกอบการสตรีเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี การทำธุรกิจของ Rethink Impact ไม่ใช่เรื่องของกำไรเสียทั้งหมด เป้าหมายสำคัญกว่าคือการสร้างระบบนิเวศให้กับผู้ประกอบการหญิง

การเกิดเหตุการณ์คุกคามทางเพศที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับประดาผู้ประกอบธุรกิจใน Silicon Valley เมื่อฤดูร้อนปีที่ผ่านมา Abramson และ Heldi Patel หุ้นส่วนของเธอที่ West Coast ได้ส่งสาส์นเชิญให้ผู้หญิงเข้ามาขอคำแนะนำ ทำให้เธอได้พบปะพูดคุยกับผู้หญิงที่เป็นเจ้าของกิจการไปแล้วกว่า 700 ราย ทั้งทางโทรศัพท์ อีเมล โดยตั้งเป้าจะคุยให้ได้ 2,500-3,000 แห่ง ในช่วงอายุของกองทุน แม้ว่าท้ายที่สุด Rethink Impact จะตัดสินใจเลือกลงทุนในบริษัทเพียงแค่ 25-30 แห่งเท่านั้น ซึ่ง Rethink Impact พยายามที่จะบ่มเพาะบริษัทธุรกิจเงินร่วมลงทุนสายพันธ์ุใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนที่จะสร้างประโยชน์ให้สังคมและความเท่าเทียม

ทั้งนี้ Abramson ไม่ได้เป็นคนเดียวที่มองเห็นโอกาสที่ผ่านเข้ามา แต่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา The Wharton Social Impact Initiative ได้รายงานว่า กองทุนในสหรัฐอเมริกาจำนวน 47 ราย ที่ลงทุนโดยมีการพิจารณาประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ สามารถระดมเงินทุนได้ประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่วนใหญ่เป็นเม็ดเงินลงทุนใหม่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

นอกจาก Rethink Impact ที่ติดโผนักลงทุนในฐานะที่มีสายสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับผู้ประกอบการหญิง ยังมี Sheila Johns ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Black Entertainment Television และ Sachiko Kuno ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทยา 2 แห่ง โดยพวกเธอทั้งคู่มีชื่อติดอันดับ “50 Richest Self-Made Women” ของนิตยสาร FORBES

นอกจากนี้ยังมี Jennifer Frist นักลงทุนที่โด่งดังจากครอบครัวอภิมหาเศรษฐีตระกูลดังแห่งรัฐ Tennessee รวมทั้ง UBS Wealth Management ที่ไว้วางใจเลือกให้ Rethink Impact ที่เป็นกองทุนสร้างสรรค์สังคมของเอกชนรายแรก เข้ามานำเสนอให้กับกลุ่มลูกค้าชาวอเมริกันของบริษัท โดยระบุว่าผู้หญิงสมัยนี้รวมถึงคนในยุคเจนวายเริ่มมีแนวโน้นที่ต้องการเห็นเงินลงทุนของพวกเขาทำประโยชน์อะไรได้มากกว่าแค่การทำเงิน

นับถึงปัจจุบัน  Rethink Impact ได้ลงทุนไปในบริษัทต่างๆ แล้ว 14 แห่ง ทั้ง Neurotrack ผู้ให้บริการตรวจคัดกรองออนไลน์แก่ผู้ที่มีอาการผิดปกติทางสมองไปจนถึงคนชราที่มีอาการวิตกกังวล, Change org เว็บไซต์สำหรับยื่นเรื่องร้องเรียน, Werk ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการหาตำแหน่งงานระดับบริหารและวิชาชีพที่มีความยืดหยุ่น, Aclima ผู้ให้บริการออกแบบและใช้งานเครือข่ายเซนเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศ และ Angaza ผู้ให้บริการผลิตอุปกรณ์แสงอาทิตย์ ผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ชื่อ Pay-As-You-Go ซึ่งช่วยให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่กันดาร สามารถเข้าถึงไฟฟ้าเพื่อการใช้งาน

“พลังขับเคลื่อนได้เกิดขึ้นแล้ว” Jenny Abramson กล่าว และบอกอีกว่า แหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบสตรีได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน “เรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดีสำหรับฉันคือขนาดธุรกิจของบริษัทเราในวันนี้ อาจจะเป็นสัญลักษณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงกำลังจะมาถึงแล้วก็เป็นได้” เธอกล่าว


เรียบเรียง: FORBES Thailand