ไมโครซอฟท์พร้อมต่อยอดเอไอ ขานรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0

31 May 2018 Technology

ไมโครซอฟท์ ไทยแลนด์ จับมือกับดิจิทัล ไดอะล็อก ผู้พัฒนาเทคโนโลยี AI และฟรอนทิส เพื่อร่วมพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีเอไอ เพื่อใช้ในภาคธุรกิจที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

จากการวิเคราะห์ผลรายงานวิจัยร่วมระหว่างไมโครซอฟท์และไอดีซีที่ออกมาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา  ไมโครซอฟท์คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) จะเข้ามามีบทบาทในการใช้สนับสนุนกระบวนการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นราว 40% ในปี 2562 และยังคาดว่าภายในปี 2563 จะมีองค์กรเอไอมาประยุกต์การใช้งานราว 85%

ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าภายในสิ้นปีนี้ แอพพลิเคชั่นกว่า 50% ในตลาดจะนำเอไอมาผนวกเพื่อการใช้งานในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

นอกจากนี้กระแสการนำเอไอและแชตบอตมาใช้ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้ามีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าภายในปี 2568 จะมีสัดส่วนราว 95% ของการสนทนากับลูกค้า

ลักษณะการทำงานของเอไอขึ้นอยู่กับสามปัจัยหลัก ได้แก่ ข้อมูล เอไอค้นหา รวบรวม คัดกรองและจัดเก็บข้อมูลอย่างไร ปัจจุยสองคือเรื่องคน ทำอย่างไรให้คนสามารถประยุกต์ใช้ข้อมูลอย่างถี่ถ้วนได้ ปัจจัยสุดท้ายคือ ความเข้าใจ ทำอย่างไรผู้ใช้จะมีความมั่นใจและเชื่อมั่นในเทคโนโลยีเอไอว่าจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่ดีได้

จิดาภา วัฒนภักดี รองกรรมการผู้จัดการ Digital Dialogue กล่าวว่า ทั้งเอไอและ บ็อทส์ (bots) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสารระหว่างภาคธุรกิจ พนักงาน ลูกค้าและยังช่วยให้การทำสินค้าและบริการออกมาได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าองค์กรแต่ละรายได้ง่ายขึ้นด้วย

ในขณะที่ ดร ปริญญ์ บุญดีสกุลโชค กรรมการผู้จัดการ ฟรอนทิส กล่าวว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากยุคของ mobile first cloud first เป็น AI first ความคิดเสมือนจริงของเอไอช่วยทำให้การบริการครอบคลุมในทุกๆมิติของการใช้งาน

ยกตัวอย่างเฉพาะระบบจดจำใบหน้าก็ช่วยให้สะดวก ปลอดภัยเพิ่มขึ้นมากในหลายๆอุตสาหกรรม และเอามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการได้โดยที่ยังไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเจ้าของใบหน้าด้วย

“เราสามารถตั้งค่าดาต้าเบสของใบหน้าที่สแกนไว้ให้มันเคลียร์ตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง ก็จะช่วยให้เราสามารถทำระบบป้องกันที่แข็งแรง ช่วนกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกใช้ในทางไม่พึงประสงค์ได้” ดร ปริญญ์ กล่าว

Technology-Microsoft

อ้างอิง: Bangkok Post