กระแส “สมาร์ทโฮม” เปิดช่องธุรกิจสตาร์ทอัพ เร่งพัฒนาระบ AI IOT ดูแลความปลอดภัย ป้องกันอุบัติเหตุ กันขโมย ประหยัดพลังงานกว่า 50% วอนรัฐอุดหนุนสตาร์ทอัพจัดจ้าง “สมาร์ทออฟฟิศ” หน่วยงานรัฐ
ปิยพจน์ เกษมภักดีพงษ์ ผู้บริหาร บริษัท ออนเนียนแชค จำกัด บริษัทผู้พัฒนาและให้บริการ AI และ IOT เปิดเผยว่าเทคโนโลยีและนวัตกรรม “บ้านอัจฉริยะ” หรือ Smart Home กำลังเติบโตจากการนำอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในการดูแลที่อยู่อาศัยหรือสำนักงานให้ทันสมัย เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นด้วยการเชื่อมต่อ Internet เข้ากับอุปกรณ์ภายในบ้าน โดยใช้ AI และอุปกรณ์ IOT ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน บนโทรศัพท์มือถือของเจ้าของบ้าน ที่เปรียบเสมือนเป็นรีโมทคอนโทรลระยะไกล เหตุผลที่ทำให้สำนักงานยุคใหม่ หรือประชาชนทั่วไปนิยมนำนวัตกรรมสมาร์ทโฮมมาใช้ เพื่อรักษาความปลอดภัย เพิ่มความสะดวกสบาย และประหยัดพลังงานได้สูงถึง 50% ยิ่งภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 กระแสสมาร์ทโฮมหรือสมาร์ทออฟฟิศเริ่มแพร่หลาย
อย่างไรก็ตามในประเทศไทย Xiaomi เป็นบริษัทใหญ่ด้านธุรกิจสมาร์ทโฮมก้าวล้ำทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันดับต้น ๆ ของโลกและในประเทศธุรกิจสตาร์ทอัพอาจแข่งขันยาก แต่หากภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาให้การสนับสนุนโดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐกับธุรกิจสตาร์ทอัพ และ ยืดหยุ่นในการออกระเบียบกฎเกณฑ์ข้อบังคับรับรองมาตรฐานอุปกรณ์ IOT ที่ผลิตหรือให้บริการโดยสตาร์ทอัพที่เป็นบริษัทนวัตกรรมขนาดกลางและเล็ก ย่อมทำให้ธุรกิจสมาร์ทโฮม หรือ สมาร์ทออฟฟิศเกิดการเติบโตและเป็นการช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจสตาร์ทอัพแข่งขันกับบริษัทใหญ่ข้ามชาติได้
ปิยพจน์ กล่าวว่าสมาร์ทโฮม เป็นการนำแนวคิดของ Internet of Things มาต่อยอดโดยการทำให้อุปกรณ์ที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อสั่งการอุปกรณ์ผ่านแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ สามารถควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้านได้จากระยะไกลและควบคุมโดยอัตโนมัติ เบื้องต้นหากจะปรับปรุงบ้านให้เป็นบ้านอัจฉริยะ หรือสำนักงานอัจฉริยะ ก่อนอื่นต้องปรับโครงสร้างระบบการเดินสายไฟภายในสำนักงานหรือบ้านให้รองรับอุปกรณ์ IOT ที่จะไปควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในบ้าน
อาทิเช่น หลอดไฟ โทรทัศน์ ประตู กุญแจ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น กล้องวงจรปิด เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว หรือ ตรวจจับอุณหภูมิ สำหรับประโยชน์ของสมาร์ทโฮม คือ สามารถควบคุมดูแลความปลอดภัยของบ้านได้จากอุปกรณ์สมาร์ทโฮมผ่านแอปพลิเคชั่น เช่น ออกจากบ้านไปแล้วแต่ลืมถอดปลั๊กเครื่องรีดผ้า หรือปิดเครื่องปรับอากาศ สมาร์ทโฮมจะปิดสั่งการให้ปิดเองโดยอัตโนมัติ หรือ เจ้าของบ้านกำลังจะกลับบ้านสามารถสั่งเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ล่วงหน้าก่อนถึงบ้าน และยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยภายในบ้านด้วยระบบดิจิทัลด้วยการใช้รหัสผ่านแทนการใช้กุญแจแบบเดิม หรือ การติดกล้องวงจรปิดไร้สายอัจฉริยะ Smart IP Camera กล้องคุณภาพดีและภาพคมชัด สามารถแจ้งเตือนเมื่อกล้องสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหว ดังนั้นสมาร์ทโฮมช่วยเพิ่มความสะดวกในการดูแลบ้านและสำนักงาน
แม้แต่สามารถใช้สั่งการด้วยเสียงในการสั่งการอุปกรณ์ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่เจ้าของบ้าน ที่สำคัญการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน AI จะเข้ามาช่วยให้การใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการปรับปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน หรือ ระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ดังนั้นในอนาคตระบบรักษาความปลอดภัยหรือการดูแลบ้าน หรือ สำนักงานยุคใหม่ จะใช้ระบบ Internet สมาร์ทโฟน AI และ IoT เข้ามาแทนระบบรักษาความปลอดภัยแบบเดิมมากขึ้น จึงนับเป็นโอกาสดีทางธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่มีศักยภาพจะเข้ามาแข่งขันคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่อยู่อาศัยเข้ามายกระดับคุณภาพชีวิต
