นักลงทุนกังวล​ฟอร์ดจับมือ​โฟล์กสวาเกน

23 November 2018 Technology

ซีอีโอฟอร์ด มอเตอร์ ออกมายอมรับ การจับมือกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์คู่แข่งสัญชาติเยอรมันอย่างโฟล์กสวาเกน เอจี “มันก็จะยุ่งยากหน่อย ๆ” เหตุของความยุ่งยากเนื่องจากแผนดังกล่าวได้ทำให้บอร์ดบริหารของโฟล์กสวาเกนมีการเรียกประชุมกับทางซีอีโอของบริษัทอย่างเฮอร์เบิร์ท ไดส์ (Herbert Diess) เพื่อพิจารณาแผนกลยุทธ์ระยะยาว (10 ปี) แผนนี้แล้ว เพราะโฟล์กสวาเกนต้องไปจับมือกับคู่แข่งอย่างฟอร์ด เพื่อลดต้นทุนในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและรถอัตโนมัตินั่นเอง

ขณะที่จิม แฮกเคตต์ (Jim Hackett) ซีอีโอฟอร์ดเผยว่า แนวคิดเรื่องการแชร์เทคโนโลยี และหันมาพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์นั้นเป็นไปด้วยดีมากกว่าที่คิดไว้ และซีอีโอทั้งสองต่างก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม ตลอดปีที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นของฟอร์ดตกลงไปถึง 22% เนื่องจากนักลงทุนไม่เห็นด้วยกับแผนปรับโครงสร้างฝ่ายปฏิบัติการในยุโรป ละตินอเมริกา และจีน รวมถึงการที่บริษัทเทเงินลงไปในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์อัตโนมัติด้วย

แผนของฟอร์ดในการพัฒนารถอัตโนมัติมีหลายส่วน เช่น การเปิดแผนกแยกออกไปเพื่อพัฒนารถอัจฉริยะโดยเฉพาะ และฟอร์ดยังถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับรถขับเคลื่อนอัตโนมัติในชื่อ Argo AI ซึ่งนักลงทุนที่สนใจสามารถร่วมลงทุนได้ทั้งใน Argo AI หรือในแผนกที่ฟอร์ดเปิดแยกออกมาก็ได้ ปัจจุบัน ฟอร์ดและ Argo ทดสอบรถอัจฉริยะอยู่ใน 4 เมือง ได้แก่ ไมอามี่ พิตต์สเบิร์ก ดีทรอยต์ และวอชิงตันดีซี ซึ่งซีอีโอของ Argo อย่างไบรอัน เซลสกาย (Bryan Salesky) กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขยายจำนวนเมืองที่วิ่งทดสอบเพิ่มขึ้นในปี 2562 นี้ และคาดว่าจะเปิดตัวรถขับเคลื่อนอัตโนมัติเพื่อขายในเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่ฟอร์ดคาดว่าการออกแบบสถาปัตยกรรมสำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้นพร้อมสำหรับการใช้งานจริง เพื่อการนี้ ฟอร์ดอยู่ระหว่างการทดสอบรถอย่างหนักว่าสามารถขนส่งคนและสิ่งของได้ ยกตัวอย่างเช่น ในไมอามี่ ฟอร์ดจับมือกับธุรกิจท้องถิ่นในการทดสอบรถที่ออกแบบให้วิ่งขนส่งอาหาร เสื้อผ้าจากร้านซักรีด ดอกไม้ ฯลฯ รวมถึงจับมือกับวอลมาร์ทเพื่อพัฒนาบริการส่งสินค้าอัตโนมัติด้วย

อย่างไรก็ดี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาบางรายเริ่มมีแผนลดค่าใช้จ่ายหลังจากเห็นกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา หนึ่งในนั้นคือ เจเนรัล มอเตอร์ เมื่อซีอีโออย่างแมรี่ บาร์รา มองว่าบริษัทอาจต้องเสนอแผนให้มีการจ้างพนักงานในอเมริกาเหนือออก 18,000 ตำแหน่ง และส่งสัญญาญเตือนว่า หากมีพนักงานเสนอตัวออกไม่มากพอ อาจต้องทำการเลย์ออฟพนักงาน แต่หากติดตามสถานการณ์ก่อนหน้านี้ เจเนรัล มอเตอร์ เคยได้รับเงินลงทุนจากซอฟท์แบงค์และฮอนด้า จำนวน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อพัฒนารถแท็กซี่อัตโนมัติ เฮกเคตต์เองก็ทราบดีถึงสิ่งที่นักลงทุนกังวล และสถานการณ์ที่เกิดกับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่เขาก็เผยว่ามีความมั่นใจกับการทำงานของฟอร์ดที่อยู่ระหว่างการออกแบบธุรกิจใหม่ในขณะนี้