PwC เผยซีอีโอในกลุ่มประเทศเอเปกยังคงเชื่อมั่นว่า แนวโน้มการเติบโตของรายได้และธุรกิจของตนในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะแข็งแกร่ง แม้ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีนจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมากกว่าครึ่งมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในปีหน้า ขณะที่ ‘ไทย’ ติดอันดับ 5 ตลาดน่าลงทุนในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ รองจากเวียดนาม จีน สหรัฐอเมริกา และ ออสเตรเลีย ชี้ผู้นำธุรกิจเอเปกตื่นตัวต่อการเข้ามาของเทคโนโลยี พร้อมเล็งจ้างงานเพิ่ม แต่วอนภาครัฐฯ ให้ปรับปรุงระบบการศึกษาและพัฒนาทักษะสะเต็มให้แก่แรงงาน
นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจล่าสุด APEC CEO Survey 2018 ที่ใช้เผยแพร่ในการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC CEO Summit ประจำปี 2561 ณ เมืองพอร์ตมอร์สบี ประเทศ ปาปัวนิวกินี ระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งทำการสำรวจผู้บริหารในกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก จำนวน 1,189 รายใน 21 ประเทศว่า 35% ของซีอีโอเอเปกแสดงความมั่นใจมากว่า รายได้ของบริษัทในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะเติบโต เปรียบเทียบกับ 37% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ 51% ของผู้นำธุรกิจในภูมิภาคยังมีแผนจะเพิ่มการลงทุนในปีหน้า
ผลสำรวจเอเปกในปีนี้ยังระบุว่า ซีอีโอจากสหรัฐอเมริกาและไทย ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำทางธุรกิจที่แสดงความมั่นใจต่อการเติบโตของรายได้มากที่สุดในปีนี้ (ที่ 57% และ 56% ตามลำดับ) ในขณะที่ผู้ถูกสำรวจจากจีนและเม็กซิโก ซึ่งทั้งสองถือเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ มีความเชื่อมั่นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 25% และ 21%
ทั้งนี้ จากการสำรวจครั้งที่ 2 กับผู้นำทางธุรกิจของสหรัฐฯ จำนวน 100 ราย ภายหลังจากการที่สหรัฐฯ และจีนตั้งกำแพงภาษีตอบโต้กันเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ (69%) คาดว่า การจัดเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อรายได้บริษัทของพวกเขา และมีเพียง 27% ที่คาดว่า จะได้รับผลกระทบเชิงลบต่อต้นทุนของบริษัท
นอกเหนือจากมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของรายได้แล้ว 51% ของผู้บริหารเอเปกยังวางแผนจะเพิ่มระดับของการลงทุนมากขึ้น เปรียบเทียบกับ 43% ในปี 2559 โดยประเทศที่ถูกจัดให้เป็นเป้าหมายของการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด ได้แก่ เวียดนาม จีน สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และไทย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของออสเตรเลียที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ตลาดที่เป็นเป้าหมายการลงทุน ขณะที่อินโดนีเซียหลุดอันดับไปในปีนี้
“ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและการลงทุนในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศ เพราะสภาพเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มที่ดี โดยได้รับปัจจัยหนุนทั้งจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว ประกอบกับการขยายตัวของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ในด้านทรัพยากรและแรงงานเอง ไทยก็มีความพร้อมทั้งทางด้านทักษะ และค่าแรงที่ไม่สูงมากนัก อย่างไรก็ดี สิ่งที่รัฐบาลไทยควรเร่งผลักดันคือ การพัฒนาและฝึกอบรมทักษะสะเต็มซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในทักษะที่มีความสำคัญและจำเป็นมากต่อแรงงานในยุคดิจิทัล” นายศิระกล่าว
ทั้งนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย หรือจีดีพี ในช่วงไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 4.6% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกขยายตัว 4.8%
นอกเหนือจากการลงทุนในตลาดยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ และจีน ผู้บริหารยังมองหาโอกาสในการทำธุรกิจในตลาดสำคัญอื่นๆ ด้วย โดยมองว่า สิงคโปร์และญี่ปุ่น ถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอันดับต้นๆ ที่มีความพร้อมและระบบนิเวศที่เอื้อต่อธุรกิจสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น (สตาร์ทอัพที่มีมูลค่าบริษัทเกิน 1 พันล้านเหรียญ)
“ถึงแม้ว่าผู้บริหารจะไม่ชอบความไม่แน่นอนทางธุรกิจในทุกๆ มิติ อย่าว่าแต่ประเด็นเรื่องของการค้าเลย พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับโลกแห่งความเป็นจริงใหม่ และแสวงหาหนทางที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จ ในขณะที่ประมาณ 1 ใน 5 ของผู้นำธุรกิจที่เราได้มีโอกาสพูดคุยด้วย บอกว่าเผชิญกับอุปสรรคทางการค้าใหม่ๆ ในปีนี้ แต่จำนวนซีอีโอที่มองเห็นโอกาสใหม่ๆ จากข้อตกลงทางการค้าก็ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา” นายเรย์มันด์ ชาว ประธานบริษัท PwC สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าว
“ในทุกสงครามทางการค้าย่อมมีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ แต่รายงานของเราก็สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว ธุรกิจยังค้นพบลู่ทางใหม่ๆ เพื่อดำเนินไปสู่การเติบโต”
สำหรับแนวโน้มของตลาดการจ้างงานในเอเปกนั้น ผลสำรวจพบว่า ยังคงมีทิศทางเชิงบวก โดย 56% ของผู้นำทางธุรกิจบอกว่า มีการจ้างงานมากขึ้นและมีเพียง 9% เท่านั้นที่กำลังลดจำนวนพนักงานลง ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนแรงงานทักษะที่ใช่สำหรับองค์กรยังคงเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก โดย 34% ของผู้บริหารยังคงเผชิญกับปัญหาการเฟ้นหาพนักงานที่มีทักษะและประสบการณ์ที่เหมาะสมกับองค์กร ซึ่งช่องว่างดังกล่าวนี้ พบมากในส่วนของการขาดแคลนทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (Science, technology, engineering and maths: STEM) ทั้งนี้ 65% ของผู้บริหารระบุว่า ภาครัฐฯ จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการสนับสนุนการฝึกอบรมแรงงานให้มีความเชี่ยวชาญในทักษะมากขึ้น และมีเพียง 14% ที่รู้สึกว่า ภาครัฐฯ ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้ดีแล้ว
ประเด็นเรื่องของการขาดแคลนทักษะที่จำเป็นนี้ ยังสะท้อนได้จากความเห็นของผู้บริหารเมื่อถูกถามว่า ปัจจัยใดที่ผู้นำเอเปกควรร่วมกันผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างทั่วถึงต่อประชากรทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งนั่นก็คือ การขยายการเข้าถึงระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูงในทุกๆ ระดับ ตามด้วยการพัฒนาทางด้านคมนาคม
play youtube,
play youtube,
xnxx,
xhamster,
xvideos,
xnxx,
xxx,
sex việt,
Phim sex,
tiktok download,
MP3 download,
Fragrance Mont Blanc,
phim sex hay,
sex mex,
mp3play,
Crossing Jorden,
Related Posts
PwC เผยผู้ใช้ไทยติด 1 ใน 5 ของโลก ซื้อ AIบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำเผยผลสำรวจ เกือบ 1 ใน 3 ของผู้บริโภคทั่วโลก มีแผนที่จะซื้ออุปกรณ์ประเภทปัญญาประดิษฐ์ (AI) เช่น หุ่นยนต์ หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ มาไว้ใช้ประจำบ้านเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกกำลังจับตาเทรนด์ของการซื้อสินค้าและบริการผ่านการใช้คำสั่งเสียง หรือวอยซ์ คอมเมิร์ซ (Voice commerce) อย่างใกล้ชิด