Cambodia, Laos, Myanmar, and Vietnam or known as CMLV countries and Thailand has a combined…
ด้วยขนาดประชากร กลุ่มกัมพูชา เมียนมา ลาว เวียดนาม และไทย รวมกว่า 240 ล้านคน การเติบโตจีดีพีสูงกว่าร้อยละ 6.2 และไทยยังมีการค้ากับ CLMV กว่า 35,0000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.6 ของการส่งออกทั้งหมด
อี-คอมเมิร์ซ ลอจิสติสก์ อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการ เป็นตลาดเฉพาะที่น่าสนใจสำหรับสตาร์ทอัพไทยที่พร้อมก้าวเข้าสู่เป็นผู้เล่นระดับภูมิภาค
พอล ศรีวรกุล บริษัทเอ คอมเมิร์ซ ผู้นำการให้บริการระบบอี-คอมเมิร์ซแบบครบวงจร ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่าแบรนด์ไทยเริ่มให้ความสนใจการขยายตลาดเข้าสู่ CLMV มากขึ้น เนื่องจากขนาดประชากรเมื่อรวมกันแล้ว ใกล้เคียงกับอินโดนีเซีย
เอคอมเมิร์ซมีแผนขยับสู่ตลาดเวียดนามปีหน้า จากที่ผ่านมา บริษัทขยายธุรกิจเข้าไปใน 5 ประเทศแล้ว ทั้งในไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
แบรนด์ไทยได้รับการยอมรับและชื่นชอบในเวียดนาม ธุรกิจสามารถเปิดตลาดระดับภูมิภาคโดยต้องเตรียมความพร้อมการขนส่ง การหาพันธมิตรในพื้นที่และการขยายผ่านธุรกิจออนไลน์ กลุ่มที่มีโอกาสเปิดตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค FMCG เครื่องสำอาง แฟชั่น อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนของธุรกิจสตาร์ทอัพไทยนั้น สามารถเข้าไปกรุยตลาดโดยต่อยอดจุดแข็งในเรียลเซคเตอร์ของไทย เช่น ด้านการเกษตร ท่องเที่ยว ภาคบริการต่างๆ เช่นท สตาร์ทอัพเฮลป์สเตอร์ (Helpster) แพลตฟอร์มการหาพนักงานประจำและพาร์ทไทม์ที่ตลาดแรงงานปฏิบัติการ รัฐบาลสามารถส่งเสริมการสนับสนุนให้เกิดวีซีเฉพาะทาง และเจาะจงกลุ่มสตาร์ทอัพเฉพาะด้านดังกล่าว
ผไท ผดุงถิ่น ผู้ก่อตั้ง กลุ่มบริษัท บิลค์ สตาร์ทอัพธุรกิจก่อสร้าง ระบุว่า กลุ่มอินโดจีน CLMV เป็นตลาดที่กำลังเติบโตสูงและใหม่มาก เป็นฟรอนเทียร์ มาร์เก็ต สำหรับสตาร์ทอัพไทย บิลด์ได้เข้าไปขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใน 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมียนมาและลาว ผ่านการนำเสนอออนไลน์แพลตฟอร์มสำหรับผู้รับเหมา
เขามองว่า สตาร์ทอัพไทยน่าจะเปิดตลาดระดับองค์กรต่อองค์กร (B2B) ที่เปิดตลาดได้เร็วกว่า และหาพันธมิตรท้องถิ่นที่เข้าใจพฤติกรรมของคนในพื้นที่ เมียนมาเติบโตเร็วมาก เนื่องจากเป็นโมบายล์เฟิร์ส ทำให้การปรับใช้งานเร็วกว่าที่คาดการณ์
รัฐบาลในกลุ่มอินโดจีนได้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตมากขึ้น ทั้งเมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม ซึ่งก็เป็นโอกาสให้กับบิลค์ รัฐบาลไทยเอง อาจส่งเสริมให้เกิดทรานส์ฟอร์เมชั่นฟันด์ สนับสนุนสตาร์ทอัพเฉพาะด้าน ธุรกิจบริการ ท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการผลิตใช้ Internet of Things เพิ่มประสิทธิภาพ
“เราอาจจะนำเบสท์แพรคทิสของไทย ผนวกกับความชำนาญหลักที่ได้ทำมาถ่ายทอดให้กับพันธมิตรประเทศเพื่อนบ้านของเราได้”
สตาร์ทอัพไทยที่ค่อนข้างเติบโตและแข็งแกร่งแล้ว ควรมองโอกาสการขยายในภูมิภาคด้วยรูปแบบธุรกิจที่เหมาะสม หากไปช้าก็จะเสียโอกาสได้ โดยเฉพาะจีนที่เป็นโกลบอลแพลตฟอร์มที่ยากต่อการแข่งขัน
สิทธิกิตติ์ รวิวีรวรรณ ผู้อำนวยการและผู้ร่วมก่อตั้ง QueQ ผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการ คิว กล่าวว่า บริษัทได้เริ่มขยายเข้าสู่ตลาดมาเลเซียแล้ว และกำลังมองหาโอกาสในสถานพยาบาลของลาว
QueQ เริ่มต้นจากการบริหารจัดการคิวร้านอาหารและขยายตลาดออกสู่กลุ่มโรงพยาบาลในช่วงกว่า 4 ปีที่ผ่านมา
เขามองว่าทั้งสตาร์ทอัพไทยและกลุ่มอินโดจีนสามารถขยายตลาดระหว่างกันได้ โดยไทยเองสามารถสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้ามาลงทุนของสตาร์ทอัพเหล่านี้ได้
ขณะที่สตาร์ทอัพไทยน่าจะมองโอกาสกลุ่มธุรกิจแบบบีทูบี รวมถึงการสร้างโอกาสด้านลอจิสติสก์ เนื่องจากอี-คอมเมิร์ซมีการขยายตัวเพิ่มการขนส่ง ซึ่งสตาร์ทอัพลอจิกติกส์มีหลายรายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง