Blockchain เปลี่ยนโลกการเงิน

20 May 2018 Technology

ใครๆ ก็พูดถึงเทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) แต่อาจจะยังมีผู้สงสัยว่าบล็อกเชนคืออะไร เพื่อให้เข้าใจกันได้ง่าย จึงขอเกริ่นให้ฟังก่อนว่า เทคโนโลยี บล็อกเชนเป็นของใหม่ที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาการเชื่อมต่อที่ไม่ครบวงจร ซึ่งเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตปัจจุบันยังทำไม่ได้ และการปลดล็อกสิ่งแรกที่ทุกคนต่างก็สนใจคือเรื่องเงิน

บล็อกเชนช่วยทลายกำแพงทำให้การโอนรับส่งเงินโดยเจ้าของเงินถึงกันโดยตรงและบันทึกข้อมูลของกันและกันด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางใดๆ

การทำงานของบล็อกเชน

เทคโนโลยีนี้เป็นรูปแบบการบันทึกจัดเก็บข้อมูลแบบดิจิทัล โดยวิธีการจัดเก็บก็จะเป็นรูปแบบห่วงโซ่ที่เชื่อมต่อกันไปถึงทุกคนในระบบ โดยที่ทุกคนก็รับรู้ว่าเจ้าของเงินเป็นใครและเห็นบันทึกข้อมูลของทุกคน การแก้ไขข้อมูลก็ต้องได้รับการเห็นชอบจากผู้คนในเครือข่ายห่วงโซ่ จึงเป็นการตรวจสอบความถูกต้องร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง ต่างจากระบบดั้งเดิมที่เราใช้กันอยู่ตอนนี้ซึ่งต้องอาศัยตัวกลางหรือ a trusted party มาช่วยบันทึกข้อมูลให้คุณ

ระบบดั้งเดิมที่มีตัวกลางมีจุดอ่อน สร้างปัญหาให้กับระบบการเงิน เพราะตัวกลางต่างก็แข่งขันกัน ทำให้ข้อมูลไม่เชื่อมต่อกัน ผลเสียก็ตกมาถึงผู้บริโภคที่ต้องแบกต้นทุนแพงๆ ในการจัดเก็บข้อมูลทางการเงินโดยตัวกลาง

ปัญหาใหญ่อีกเรื่องคือทุกสถาบันการเงินคิดค่าธรรมเนียมต่างกันและยิ่งถ้าเป็นการโอนส่งข้ามประเทศก็ยิ่งปวดหัวเพราะกฎหมายไม่เหมือนกัน คุณไม่มีทางเดาค่าธรรมเนียมได้เลย แถมตลาดการชำระเงินก็ยังถูกผูกขาดโดยผู้ให้บริการไม่กี่รายอย่าง Visa, Mastercard, PayPal, Swift เป็นต้น ระบบสาธารณูปโภคทางดิจิตัลก็ถูกจำกัดให้บางรายถือกรรมสิทธิ์ผูกขาด ซอฟต์แวร์ก็เป็นลิขสิทธิ์แบบผูกขาดเฉพาะราย การมาของเทคโนโลยีบล็อกเชนจึงช่วยปลดล็อกการผูกขาดนี้ การชำระเงินในอนาคตจะเป็นเรื่องง่ายดายเสมือนกับการติดต่อสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตในขณะนี้

ระบบการเงินใหม่แห่งอนาคต

เมื่อบล็อกเชนเข้ามาช่วยให้การบันทึกข้อมูลดิจิทัลทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็สามารถโอนส่งเงิน ได้ในรูปแบบดิจิทัลและรหัสข้อมูลก็ใช้ภาษาเหมือนกันหมดในอนาคต เมื่อใครจะเข้าไปทำธุรกรรมการเงินก็ใช้กุญแจของตนเปิดรหัส พอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลอะไร ก็เห็นทั่วกันหมดทั้งชุมชนในเครือข่ายนั้น โกงกันไม่ได้

เมื่อนั้น ธนาคาร สถาบันการเงิน นักกฎหมาย จะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่สุด เพราะไม่สามารถหารายได้จากค่าธรรมเนียมและค่าบริการรับฝาก ถอน อีกต่อไป การให้บริการร่างสัญญาทางกฎหมายก็ไร้ความหมายเพราะบล็อกเชนจะมาแทนที่ คนที่อยู่ได้ก็คือคนที่ปรับตัวเอง หันไปหารายได้จากค่าจัดการหรือบริการทางไอทีแทน

ส่วนผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์เต็มๆ ระบบการเงินอนาคตจะรวดเร็ว สะดวกและค่าธรรมเนียมต่ำ

ดังนั้น ธุรกิจต่างๆ ก็ควรปรับตัวให้เข้ากับ ecosystem ใหม่อย่างรวดเร็ว เช่น สร้างเทคโนโลยีแอปพลิเคชั่นเพื่อผู้บริโภคโดยตรง แล้วเก็บรายได้จากค่าบริการทางไอทีนี้ เพราะท้ายที่สุดการแข่งขันและระบบนิเวศใหม่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมและประโยชน์ต่อผู้ใช้มากที่สุด


อ้างอิง: Forbes Thailand และ www.NBTC.go.th