5 บิ๊กร่วมลงทุน 500 TukTuks ลุยปั้นสตาร์ทอัพอาเซียน

16 June 2018 Startups

500 TukTuks รับการลงทุนจากกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทย 5 ราย พร้อมดึงพันธมิตรระดับโลกร่วมสร้างระบบนิเวศแห่งนวัตกรรม ตั้งเป้าพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพต่อยอดตลาดอาเซียนเติบโต คาดภายใน 5 ปี สามารถปั้นสตาร์ทอัพมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้เกิน 5 ราย

ต้องบอกว่าเป็นอีกก้าวของกองทุน 500 TukTuks ที่น่าสนใจ หลังจากเปิดตัวไปเมื่อปี 2558 เพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพไทยระดับ seed/pre-series A โดยที่ผ่านมานั้นพบว่า 500 TukTuks ได้ร่วมลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพรวม 50 บริษัท ช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถระดมทุนในรอบถัดไปได้รวมเกือบ 7,000 ล้านบาท รวมทั้งช่วยสร้างการจ้างงานเกือบ 10,000 ตำแหน่ง

ล่าสุด 500 TukTuks ประกาศร่วมรับการลงทุนของกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของไทย ได้แก่ กลุ่มเซ็นทรัล, กลุ่มธุรกิจ TCP, บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน), บริษัท วัชรพล จำกัด ในเครือหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด ในกองทุน 500 TukTuks II พร้อมตั้งเป้าลงทุนใน 150 สตาร์ทอัพ ทั้ง Disruptive Digital Startups ในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง Global Deep Tech Startups ที่จะเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สมบูรณ์แบบทั้ง Disruptive Digital และ Deep Technology ควบคู่กับการสร้าง synergy กับบริษัทยักษ์ใหญ่ในไทยด้วย

นอกจากนั้น ยังมีการเปิดตัวพันธมิตรชั้นนำระดับโลกจากทั้ง Silicon Valley และเอเชีย เช่น Terra Accelerator บริษัท accelerator ชั้นนำด้าน Food/Bio/AgriTech, SOSV – กองทุน VC ระดับ top 5 ด้าน AI และ Blockchain, Chinaccelerator – กองทุน VC ชั้นนำที่ลงทุนใน tech startups ชั้นนำของจีน, MOX – Mobile Only Accelerator พร้อมดึงกูรูระดับโลกอย่าง Harper Reed อดีต CTO ของ Obama และกูรูชั้นนำของไทย ด้าน AR/VR, Crypto/Blockchain, Food/BioTech, IoT ร่วมสร้างระบบนิเวศแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบในประเทศไทย

Startup-500

นายกระทิง พูนผล ผู้จัดการกองทุน 500 TukTuks กล่าวว่า ทางกองทุน 500 TukTuks ดีใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่บริษัทชั้นนำในเมืองไทย อย่างกลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มธุรกิจ TCP บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท วัชรพล จำกัด ในเครือหนังสือ พิมพ์ไทยรัฐ และบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด ได้มาร่วมลงทุนในกองทุน 500 TukTuks เพื่อร่วมผลักดันวงการสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดด และร่วมสร้างระบบนิเวศแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบ

พร้อมกันนี้เขายังได้ให้ความเห็นด้วยว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีแนวโน้มการเติบโตของสตาร์ทอัพในระดับที่สูง อันเป็นผลมาจากฐานคนชั้นกลางในภูมิภาคที่เป็นผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้นมีการเติบโตในระดับที่รวดเร็ว และคาดว่าจะพุ่งสู่ตัวเลข 480 ล้านคนในปี 2563 โดยที่ผ่านมา มีสตาร์ทอัพที่ก้าวขึ้นไปเป็นยูนิคอร์นหลายราย ไม่ว่าจะเป็นแกร็บ หรือ SEA ที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ หรือโกเจ็ก บริการร่วมเดินทางจากอินโดนีเซีย

สำหรับการลงทุนด้วยกองทุนที่ 2 นั้น นายกระทิงเผยว่าจะมุ่งเน้นไปในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและ Deep Tech โดยมองว่าภูมิภาคนี้มีศักยภาพหลายด้าน ทั้ง ด้าน Food/Bio/AgriTech, TravelTech, Logistics, FinTech, InsurTech, Retail, eCommerce, PropTech, Energy เป็นต้น

นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP CEO of TCP Phamaceutical Industries Co;Ltd ผู้จัดจำหน่าย และเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มกระทิงแดง (เรดบูล) กล่าวเสริมว่า “เรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกที่นับวันจะถูก Disrupt รุนแรงและรวดเร็วมากขึ้น การเข้ามาของ IoT, AI, Robot หรือเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) ต่างๆ ล้วนมีศักยภาพในการเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินชีวิตและการดำเนินธุรกิจให้ต่างไปจากเดิมได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งกลุ่มธุรกิจ TCP เล็งเห็นว่าองค์กรก็ต้องมีการปรับตัวเช่นกัน การร่วมลงทุนในกองทุน 500 TukTuks ในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมรับมือกับกระแส Disruption ผ่านการทำงานร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรของเราจะสามารถก้าวข้ามวิธีการทำงานแบบเดิม สู่นวัตกรรมใหม่ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีเข้ากับสังคม เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างผลิตภัณฑ์ และบริการให้ดียิ่งขึ้นกับลูกค้าของเรา รวมทั้งยกระดับธุรกิจของเราไปสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบได้เร็วขึ้น”

Startup-500

นายกระทิง พูนผล, ผู้จัดการกองทุน 500 TukTuks