aCommerce เล็งเข้าตลาดปี 2020

11 September 2018 Startups

aCommerce ผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังเป็นสตาร์ทอัพไทยรายแรกที่ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์  ปี 2020 เสริมแกร่งแบรนด์ระดับภูมิภาค ทั้งหนุนธุรกิจไทยขยายส่งออก รับมือพาเหรดสินค้าจีนข้ามการค้าออนไลน์แบบไร้พรมแดน ตีตลาดไทย

นายพอล ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและผู้ร่วมก่อตั้ง aCommerce ระบุว่า บริษัทอยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะได้ข้อสรุปในปีหน้า และ IPO ปี 2563

การเลือกเข้าตลาดเพื่อเปลี่ยนภาพจากสตาร์ทอัพสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนที่จะสร้างความเชื่อมั่นและน่าเชื่อถือให้กับบริษัทเอง โดยเฉพาะลูกค้าแบรนด์ใหญ่ทั้งโกลบอลแบรนด์ ที่ต้องการขยายเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเปิดตลาดอินโดจีน

aCommerce จึงเตรียมขยายธุรกิจในเวียดนามปีหน้า ตามด้วยลาว กัมพูชา และ เมียนมา ตอกย้ำการเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาค  และรับมือกับคู่แข่งที่ให้บริการลักษณะใกล้เคียงกับบริษัททั้งจีนและสิงคโปร์เข้ามาบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ขณะเดียวกัน แบรนด์ไทยต้องเร่งขยายตลาดส่งออกออนไลน์แบบบีทูบี แทนการนั่งรับมือให้ผู้ผลิตจีน เปิดตลาดข้ามพรมแดนมาขยายสู่ตลาดไทย ผ่านแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่จากจีน ทั้งนี้ในพอร์ทของบริษัท มีบริษัทไทยที่ส่งออกไม่ถึงร้อยละ 1 ซึ่งเป็นโอกาสให้กับ aCommerce

ทั้งนี้ บริษัทจะเร่งลงทุนด้านเทคโนโลยีให้เพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่ใช้งบด้านวิจัยพัฒนากว่าร้อยละ 40 ของรายได้ โดยให้น้ำหนักการทำระบบอี-คอมเมิร์ซที่เป็นออโตเมชั่นและการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์มและนำรวมศูนย์วิเคราะห์ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเป็นโปรไฟล์ของลูกค้าเฉพาะบุคคล

และที่สุดก็จะนำไปสู่การคาดการณ์สินค้าที่จะขายได้ดี ทั้งหมดจะช่วยให้แบรนด์บริหารลูกค้าทุกช่องทางออนไลน์ได้คุ้มค่า ทำการตลาดเฉพาะบุคคลได้ ซึ่งทำให้บรรลุเป้าหมายการเป็นพันธมิตรการบริหารข้อมูล หรือดาต้าแมเนจเมนต์ พาร์ทเนอร์ให้กับแบรนด์

เขามองว่า แนวโน้มจากนี้ cross border e-commerce และ Business to Business (B2B) จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กอปรกับการแข่งขันอี-มาร์เก็ตเพลสรายใหญ่กลุ่มบีทูซี และความเฟื่องฟูของโซเชียลคอมเมิร์ซ ซี่งทั้งหมดจะกระตุ้นการเติบโตของอี-คอมเมิร์ซในไทยให้ขยับเป็นร้อยละ 8-10 ของมูลค่าค้าปลีกไทย ภายในปีหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ราวร้อยละ 5

หากบริษัทสามารถระดมทุนได้ คาดว่าภายใน 3 ปีจากนี้ จะเป็นสตาร์ทอัพไทยรายแรกที่เข้าตลาด และมีมูลค่าธุรกิจที่แตะระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นยูนิคอร์น ที่สามารถทำกำไรได้

ตั้งแต่การก่อตั้งขึ้นที่ประเทศไทยในปี 2013 บริษัทสัญชาติไทยนี้ได้เติบโตจากสตาร์ทอัพไปสู่บริษัทขนาดกลางที่มีลูกค้าแบรนด์ระดับโลกกว่า 260 แบรนด์อย่าง ลอรีอัล ยูนิลีเวอร์ เอชพี และฟิลิปส์ ในทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ได้จัดส่งสินค้าทั้งหมด 13.19 ล้านรายการ มีพนักงานมากกว่า 1,200 คน และมีสำนักงานทั้งหมด 5 แห่ง และอีก 16 คลังสินค้าในประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และมาเลเซีย

ก่อนหน้านี้ บริษัท aCommerce ได้รับเงินระดมทุนทั้งหมดจำนวน 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนักลงทุนชั้นนำอย่าง Emerald Media, BlueSky, DKSH, Inspire Ventures, Sinarmas และ NTT Docomo.