Covid-19 แรงหนุนฟินเทค 2 สตาร์ทอัพระดมทุนวีซีจากกสิกรและไทยพาณิชย์

31 July 2020 Startups

ช่วงครึ่งปีแรก ฟินเทคสตาร์ทอัพกระแสแรงรับ Covid-19 สองสตาร์ทอัพได้รับการระดมทุนจากวีซีภายใต้กลุ่มกสิกร และไทยพาณิชย์

ก่อนหน้านี้ ดิจิโอ สตาร์ทอัพผู้นำด้านการพัฒนาและให้บริการระบบชำระเงินในประเทศไทยได้รับการลงทุน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในรอบซีรี่ส์บี ที่มีบริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล บริษัทร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทย

ล่าสุด SYNQA บริษัทแม่ของ Omise และ OMG Network รับเงินลงทุน Series C มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำโดย SCB 10X และ SPARX Group

SYNQA ฟินเทคในประเทศไทย (ที่เปลี่ยนชื่อมาจาก Omise Holdings) ได้รับเงินลงทุน Series C จากกลุ่มผู้ลงทุนหลักนำโดย SCB 10X Co., Ltd. (SCB 10X) และ Sparx Group Co., Ltd. ผ่านกองทุน Mirai Creation Fund II

ร่วมด้วย Toyota Financial Services Corporation (TFS), Sumitomo Mitsui Banking Corporation (SMBC), SMBC Venture Capital (SMBCVC) และ Aioi Nissay Dowa Insurance Corporation (ADI) และผู้ลงทุนรายอื่นๆ

จุน ฮาเซกาวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม SYNQA ระบุว่าจะนำเงินลงทุนที่ได้รับไปพัฒนาโซลูชั่นองค์กร (Enterprise Solution) รวมถึงต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจปรับเปลี่ยนเข้าสู่ดิจิทัล

จุนมองด้วยว่า โลกภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 จะเปลี่ยนพฤติกรรมของคน ลดการใช้เงินสดและใช้งานชำระเงินดิจิทัลมากขึ้น ผลสำรวจโดย Nielsen พบว่าในประเทศสิงคโปร์ ยอดจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค (Fast Moving Consumer Goods: FMCG) ผ่านทางออนไลน์เติบโตขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีพ.ศ.2562 เป็นผลจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19

SYNQA อยู่ในจุดที่โดดเด่นที่จะนำเอเชียสู่สังคมไร้เงินสดผ่าน Omise ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่อยู่ภายใต้การดูแลของ SYNQA โดย Omise เป็นผู้ให้บริการรับชำระเงินชั้นนำก่อตั้งในปีพ.ศ.2556 โดยปัจจุบันได้รับความไว้วางใจจากร้านค้านับพันรายทั่วเอเชีย ทั้งรับชำระเงินและเชื่อมร้านค้ากับผู้บริโภคนับล้านทั่วโลก ซึ่งเงินลงทุนครั้งนี้จะนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการใหม่ๆ ให้ Omise เพิ่มคุณค่าที่ส่งมอบให้ร้านค้าทั่วเอเชีย

SYNQA จะนำเทคโนโลยีของบริษัทในเครือไปเสริมให้กับธุรกิจของนักลงทุนและจะได้จัดตั้งบริษัทลูก ที่จะพัฒนาโซลูชั่นให้กับองค์กรที่ต้องการนำเทคโนโลยีไปปรับใช้เป็นฟิคเทคทรานฟอร์เมชั่น

อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด เสริมว่า ทั้งสองบริษัทจะได้ร่วมนำเสนอนวัตกรรมบริการใหม่ๆ และบริษัทย่อยในกลุ่ม SYNQA จะได้นำเทคโนโลยีต่างๆ ทั้ง API และ OMG Network ซึ่งเป็นเครือข่ายการแลกเปลี่ยนมูลค่าสร้างอยู่บนบล็อกเชน Ethereum ไปต่อยอดเป็นโซลูชั่นใหม่ๆ ตอบโจทย์ลูกค้าของพาร์ทเนอร์ได้

การมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ SYNQA เช่น แอปพลิเคชัน โตโยต้า วอลเล็ต ช่วยลดอุปสรรคการทำธุรกรรมแบบเดิมๆ รวมถึงเงินลงทุนที่ได้รับจะช่วยสร้างระบบนิเวศของ SYNQA ให้แข็งแรงขึ้นเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่ได้วางไว้