เอไอ – บล็อกเชน มือที่มองไม่เห็น นำคุณสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งอนาคต

30 June 2018 Lifestyle

สาวๆ ที่ไม่มีชายหนุ่มช่วยเข็นรถระหว่างซื้อสินค้าเข้าบ้านจะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เมื่อซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งอนาคตจะมาช่วยตอบโจทย์ให้กับสาวทั้งหลาย โดยมีหุ่นยนต์มาเป็นผู้ช่วยแสนดีถือของเดินตาม แบบไม่มีเสียงบ่นอิดออดให้กวนใจอีกต่อไป

มาสัมผัสซูเปอร์มาร์เก็ตยุคดิจิทัลต้นแบบแห่งอนาคตกันได้แล้วที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ที่ห้าง 7Fresh ของ JD.com Inc ด้วยพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร ครึ่งหนึ่งเป็นพื้นที่ขาย อีกครึ่งหนึ่งสำหรับคลังสินค้า พรั่งพร้อมไปด้วยสินค้ากว่าหมื่นรายการจากพันธมิตรกว่า 2,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้าและอาหารสด

ดูแบบผ่านๆ 7Fresh ก็เหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปที่จะมีของสดใหม่ทุกวัน สภาพแวดล้อมสะอาด มีระเบียบ สินค้าหลากหลายให้พ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่ได้จับจ่ายใช้สอยได้อย่างจุใจ แต่ดาวเด่นของซูเปอร์แห่งอนาคตนี้อยู่ที่การใช้เทคโนโลยีล้ำยุคกลมกลืนไปกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้อย่างน่าสนใจ

ด้วยหุ่นยนต์ต้นแบบทำหน้าที่เสมือนเป็น “smart shopping cart” ตะกร้ารถเข็นอัจฉริยะ ที่ทำให้สาวๆ เลือกจับจ่ายสินค้า พร้อมกับอุ้มลูกจูงหลานได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกังวลกับการคอยเข็นรถอีกต่อไป โดยลูกค้าหรือผู้ซื้อสินค้าต้องสวม wearable device ของทางซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีไว้ให้บริการ เพื่อให้อุปกรณ์ส่งสัญญาณนำทางไปที่หุ่นยนต์

ระหว่างการซื้อสินค้า ผัก หรือผลไม้สด เมื่อวางสินค้าตรงแท่นอ่านข้อมูลบาร์โค้ดในบรรจุภัณฑ์ กระจกอัจฉริยะตรงชั้นวาง ก็จะอ่านข้อมูลและแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้านั้น ทั้งแหล่งที่มา การปลูก จนถึงน้ำหนักและข้อมูลทางโภชนาการของสินค้า

Lifestyle-7Fresh

ทั้งนี้การตรวจสอบที่มาของอาหาร 7Fresh จะทำโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ที่ให้ข้อมูลด้านความปลอดภัยของอาหาร ตั้งแต่การผลิตจนถึงนำส่งสินค้า โดยเกิดจากความร่วมมือของ jd.com กับวอลมาร์ท ไอบีเอ็ม และมหาวิทยาลัยซิงหัว

สินค้ามีชีวิตบางประเภท เช่น ปลา หรืออาหารทะเลอื่นๆ 7Fresh จะฝังชิปมากับตัวปลาหรือสัตว์ทะเล เพื่อที่จะได้ตรวจสอบย้อนกลับไปได้ว่า ปลานั้นจับมาจากที่ไหน และได้มานานแค่ไหน เพื่อลูกค้าจะได้รับรู้ข้อมูลว่าสินค้ามีความสดใหม่เพียงใด

ในชั้นวางสินค้า จะใช้ป้ายราคาอิเล็กทรอนิกส์​ที่จะทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตสามารถอัพเดทราคาสินค้าทั้งที่ชั้นวางและระบบออนไลน์ไปพร้อมๆ กันด้วย ช่วยลดแรงงานพนักงานในการปรับเปลี่ยนราคาสินค้าลง

การชำระเงินจะทำผ่านพนักงานที่เคาน์เตอร์ หรือจะชำระด้วยตนเองโดยการสแกนบาร์โค้ดสินค้าเข้าเครื่องระบบคำนวณเงิน แล้วลูกค้าจะชำระเงินผ่านระบบโมบายเพย์เมนท์​ด้วยแอคเคานต์ WeChat eWallet ของ JD.com พร้อมใช้ระบบรู้จำใบหน้าที่ลงทะเบียนไว้กับแอปพลิเคชัน 7FRESH ในการตรวจสอบตัวตนเพื่อยืนยันการชำระเงินเพื่อการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดให้ลูกค้า

Lifestyle-7Fresh

ส่วนคนที่ไม่มีเวลามาจับจ่ายสินค้าด้วยตนเอง ก็สามารถสั่งสินค้าออนไลน์ได้เช่นกัน เมื่อลูกค้าสั่งสินค้า ข้อมูลจะถูกส่งมายังซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วพนักงานจะจัดสินค้าตามที่ระบุไว้ ส่งสินค้าเข้าสายพานอัตโนมัติเพื่อจัดส่งโดยจะทำได้ทันทีภายในเวลาเพียง 30 นาที แต่ลูกค้าควรจะอยู่ไม่เกินรัศมี  3 กิโลเมตรจากซูเปอร์มาร์เก็ต  เพื่อการรับประกันความสดใหม่ เป็นการผสมผสานประสบการณ์ช้อปปิ้งในโลกออฟไลน์ และออนไลน์ได้อย่างลงตัว

ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ จะเป็นคนหนุ่ม-สาวช่วงวัย 20-40  ปี  ซึ่งซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งอนาคตนี้ยังมีสาขาอีกแห่งที่กรุงปักกิ่งด้วยเช่นกัน

JD.com  เตรียมปูพรมเปิดพรีเมี่ยมซูเปอร์มาร์เก็ตแบบอัตโนมัติทั้งหมด 10 สาขาภายในสิ้นปีนี้ และจะขยับเป็น 1,000 สาขาภายใน 5 ปีข้างหน้าด้วย

เห็นปรากฏการณ์ดีๆ ที่นำความสะดวกสบายมาสู่ชาวปักกิ่งแบบนี้แล้ว แน่นอนว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตไทยก็น่าจะมีการเปลี่ยนเแปลงในอีกไม่ช้าเช่นกัน อย่างที่เราเห็น auto self check out มาให้บริการเมื่อหลายปีที่แล้ว เหลือเพียงการให้ข้อมูลในการทำความเข้าใจกับลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าได้คุณภาพสดใหม่ตรงกับความต้องการ และช่วยลดปริมาณสินค้าค้างสต็อก และในที่สุดก็จะนำไปสู่การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่กับประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อให้กับลูกค้านั่นเอง

Lifestyle-7Fresh