สุวิทย์ เมษิณทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยืนยันกระทรวงใหม่ที่อยู่ในระหว่างการจัดตั้งซึ่งเกิดจากการควบรวมกระทรวงวิทย์ฯ กับสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) และหน่วยงานด้านวิจัยของรัฐ จะไม่ละทิ้งสายสังคมและมนุษย์อย่างที่หลายคนกังวล
“การทำวิจัยด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ยังคงสำคัญสำหรับเรา ต่อไปภายใต้โครงสร้างใหม่ การสนับสนุนในด้านนี้จะทำผ่านกองทุนวิจัยและพัฒนาสังคม” ดร. สุวิทย์ เปิดเผยในการแถลงข่าวเมื่อเร็วๆ นี้
ดร. สุวิทย์ ย้ำด้วยว่าการจัดตั้งกระทรวงใหม่นี้ จะมีโมเดลของจีน Chinese Academy of Sciences เป็นต้นแบบ โดยขณะนี้ชื่อกระทรวงใหม่ยังไม่ได้ตัดสิน แต่ได้มีการกำหนดหน้าที่ของกระทรวงไว้แล้วว่าจะเป็นเสมือนเครื่องมือผลักดันการทำวิจัยและนวัตกรรมผ่านอะคาเดมี่ต่างๆ เพื่อสร้างคนที่มีทักษะเหมาะสมกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0
“เราจะจัดตั้งกองทุนใหม่ขึ้นมา 3 แห่ง ภายใต้กระทรวงใหม่ ประกอบด้วย กองทุนพัฒนาระบบอุดมศึกษาและวิจัย โดยเป้าหมายคือผลักดันให้มหาวิยาลัยในเมืองไทยได้ไต่อันดับขึ้นสู่ชั้นนำในระดับโลก กองทุนที่ 2 คือกองทุนพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อช่วยเหลือสตาร์ทอัพ และสุดท้ายคือกองทุนวิจัยและพัฒนาสังคม ซึ่งส่วนนี้จะเน้นกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ”
ดร. สุวิทย์ย้ำว่า กระทรวงใหม่จะเป็นกลไกที่สำคัญมากในการช่วยเหลือสถาบันอุดมศึกษาที่ยังขาดแคลนเงินทุนในการพัฒนา อีกทั้งยังช่วยกำหนดกลยุทธ์ในการทำวิจัยให้มีเป้าหมายและกระบวนการที่ชัดเจนมากขึ้นด้วย
“ที่ผ่านมา มีงานวิจัยเพียงร้อยละ 10 ที่สามารถนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ เราจะทำได้ดีกว่านี้ก็ต่อเมื่อเรามีทิศทางที่ชัดเจนและรู้ที่มาของแหล่งทุนของกลุ่มงานวิจัยแต่ละกลุ่มในมหาวิทยาลัยต่างๆ” ดร. สุวิทย์ กล่าว
ที่ผ่านมา มีนักวิชาการแสดงความกังวลเกี่ยวกับการควบรวม สกว. เข้าอยู่กับกระทรวงวิทย์ฯ อาทิ อดีตอธิการบดีมหาวิยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีความเห็นว่ากระทรวงใหม่จะสนับสนุนแค่วิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเท่านั้น
ศาสตราจารย์ ดร. สมพงษ์ จิตระดับ ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็แสดงความกังวลว่าแผนตั้งกระทรวงใหม่จะสร้างความสับสนกับแผนการตั้งกระทรวงอุดมศึกษา
“แผนควบรวมกระทรวงดูจะแตกต่างออกไปจากคอนเซ็ปต์การจัดตั้งกระทรวงอุดมศึกษาที่วางไว้ก่อนหน้า น่าจะเชิญผู้บริหารระดับสูงของสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ มาร่วมถกประเด็นนี้กัน” ศ.ดร. สมพงษ์กล่าว
ในสัปดาห์นี้ รัฐบาลจะจัดประชุมร่วมกับสภามหาวิทยาลัยต่างๆ รวมถึงสภามหาวิทยาลัยราชภัฏและราชมงคลด้วย
ดร.กอบศักดิ์ ภู่ตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ากระทรวงใหม่น่าจะตั้งเป็นทางการได้ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า
ดร.กอบศักดิ์ กล่าวต่อว่าร่างกฎหมาย 3 ฉบับจะต้องทำให้เสร็จภายใน 3 เดือนเพื่อให้การจัดตั้งกระทรวงใหม่เกิดขึ้นตามแผน และไม่คิดว่าจะต้องมีการใช้มาตรา 44 มาช่วยให้กฎหมายผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนได้ทันเวลา
สุวิทย์ เมษิณทรีย์, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
อ้างอิง: Bangkok Post