“เอไอ” ช่วยเกษตรกรปลูกพืชสู้วิกฤติโลกร้อน

29 August 2020 Technology

เอไอ ตัวช่วยเกษตรกรไทยสู้วิกฤติโลกร้อน ระบุพิกัดพื้นที่เสี่ยง ดูแลสุขภาพพืช เฝ้าระวังโรคระบาด แจ้งเตือนภัยแล้ง น้ำท่วม พร้อมช่วยพัฒนาสายพันธุ์พืชชนิดใหม่ให้เหมาะเฉพาะพื้นที่ทนแล้ง ให้ผลผลิตสูงเชิงคุณภาพ  

รัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร บริษัท ลิสเซินฟิลด์ จำกัด เปิดเผยในรายการ “Feed the World” หนึ่งในหก ธีมสำคัญของงาน Startup Thailand x Innovation Thailand Expo 2020 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 4 กันยายนนี้ ในหัวข้อ “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ “เอไอ” ตัวช่วยใหม่สร้างความสามารถการแข่งขันให้เกษตรกรไทยสู่ความยั่งยืน ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เอไอ เข้ามาปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการฟาร์มที่ได้จากข้อมูลสภาพอากาศ สภาพดิน การบริหารจัดการน้ำ หรือ พันธุ์พืช ประกอบกับการใช้ประโยชน์จากภาพถ่ายดาวเทียมที่สามารถเข้าใจมิติในเชิงพื้นที่มาบูรณาการโดยใช้ เอไอ วิเคราะห์เพื่อพยากรณ์และคาดการณ์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน จะช่วยในการเพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นประเทศที่ก้าวหน้าด้านการทำเกษตรด้วยการใช้ เอไอ เข้ามาบริหารจัดการฟาร์มอันดับต้น ๆ ของโลก  

ทั้งนี้ประโยชน์ของ เอไอ คือ ช่วยวิเคราะห์และคาดการณ์การทำการเกษตรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตให้ต้องปรับเปลี่ยนไป สำหรับประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างมากภาคเกษตรต้องปรับตัว เพราะโครงสร้างพื้นฐานด้านการบริหารจัดการน้ำมีเพียง 30% เท่านั้นที่เป็นระบบชลประทานที่เหลือ 70 % ต้องพึ่งพาน้ำฝน ขณะที่สภาวะโลกร้อนทำให้ฤดูแล้งยาวนานขึ้น ในปีที่ผ่านมาสภาวะโลกร้อนกระทบต่อเศรษฐกิจไทย คิดเป็นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ดังนั้นเกษตรกรต้องใช้เทคโนโลยีเข้าเป็นตัวช่วยซึ่ง เอไอ จะช่วยวิเคราะห์ว่าพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบสภาวะโลกร้อน ควรปลูกพืชชนิดใด 

นอกจากนี้ในอนาคตผู้บริโภคนิยมบริโภคอาหารปลอดภัย การทำเกษตรอินทรีย์จึงเป็นแนวทางการเกษตรที่ยั่งยืน ซึ่ง เอไอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงและบริหารจัดการ หรือ ออกแบบดูแลฟาร์ม ตั้งแต่วิเคราะห์สภาพอากาศ เพื่อทำการคาดการณ์ในระยะสั้นและระยะยาว ด้วยเทคโนโลยี deep learning เซนเซอร์ และ data

ขณะเดียวกัน เอไอ ยังช่วยให้เกษตรกร เข้าใจโครงสร้างและการเจริญเติบโตของพันธุ์พืช โดยเอไอ ช่วยปรับสมดุลให้เกษตรกรปลูกพืชให้ เหมาะสมกับฤดูกาลที่เปลี่ยนไปอันเกิดจากสภาวะโลกร้อน  

ทั้งนี้ เอไอ ยังช่วยดูแลสุขภาพพืช ด้วยการช่วยเฝ้าระวังแมลงศัตรูพืชและโรคระบาดด้วยการเก็บข้อมูลและการพยากรณ์ข้อมูลย้อยหลัง เอไอ จะช่วยวิเคราะห์การแพร่ระบาดและการป้องกันศัตรูพืชหรือโรคระบาดที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมกับแจ้งเตือนเกษตรกรล่วงหน้า เช่น ข้าว หรือ อ้อย โดยมีเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม และ โดรน เข้ามาช่วยด้วย ซึ่งสามารถวิเคราะห์โรคระบาดในพืชได้แบบทั้งชนิดพื้นที่ทั้งแปลง หรือ วิเคราะห์รายต้น โดยเฉพาะพืชที่ต้นทุนการเพาะปลูกสูง ปัจจุบันบริษัทรายใหญ่ในภาคเกษตรนำเทคโนโลยี เอไอ เข้ามาช่วยดูแลสุขภาพผลผลิตแล้ว  

นอกจากนี้ เอไอ ยังช่วยวิเคราะห์พืชสายพันธุ์ใหม่ที่ทนต่อสภาวะโลกร้อน โดยจะเข้ามาช่วยเป็นนักพัฒนาสายพันธุ์พืชชนิดใหม่ ด้วยการวิเคราะห์ ดีเอ็นเอ ข้อมูลทางพันธุกรรม หรือ จีโนม แต่ละสายพันธุ์จนได้สายพันธุ์ที่นิ่งนำไปเพาะปลูกได้ในเวลาอันรวดเร็ว การเกษตรในอนาคต เอไอ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการลดต้นทุนการผลิตและช่วยเกษตรกรให้เพาะปลูกพืชได้ผลผลิตที่มีคุณภาพต่อสู้กับสภาวะโลกร้อนที่เปลี่ยนไป