โซนีลงทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐถือหุ้นเอปิค เกมส์

26 July 2020 Technology

โซนีลงทุน 250 ล้านเหรียญถือหุ้นส่วนน้อยในบ.เอปิกเกมส์ ผู้ผลิต Fortnite เกมดัง โดยเอปิคเกมส์ได้ระดมทุนไปแล้ว 1.83 พันล้านเหรียญ

ดีลนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดและเข้มแข็งมากขึ้นในความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ความบันเทิง และบริการออนไลน์บนแพล็ตฟอร์มโซเชียลเอนเทอร์เทนเมนต์ (social entertainment) ความสัมพันธ์ของทั้งสองใกล้ชิดมากขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเมื่อเอปิคได้เปิดตัวเกม Unreal Engine 5 ที่เล่นบนเครื่องเพลย์สเตชั่น 5 และเมื่อเปิดตัว บริษัทเอปิคเกมส์ระดมทุนได้ 1.58 พันล้านเหรียญไปสามรอบแล้ว ในปี 2012 บริษัทได้รับเงินลงทุน 330 ล้านเหรียญจากเทนเซ็นต์ ซึ่งถือหุ้น 40 เปอร์เซ็นต์

โดยในดีลการลงทุนครั้งนี้ โซนีและเอปิคจะขยายความความร่วมมือกันมากขึ้น ด้วยสินทรัพย์ด้านความบันเทิงและเทคโนโลยีของโซนีผนวกกับแพล็ตฟอร์มโซเชียล เอนเทอร์เทนเมนต์และดิจิทัลเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครแก่ผู้บริโภคและผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ ซึ่งการลงทุนนี้ก็เป็นไปตามเงื่อนไขปกติ รวมทั้งการได้รับอนุมัติในเชิงข้อระเบียบต่าง ๆ

โดยเอปิคยืนยันว่าบริษัทยังคงสามารถเอาเกมของตนไปเล่นแพล็ตฟอร์มอื่นๆ ได้ ดังที่กล่าวแล้วว่าโซนีถือหุ้นส่วนน้อยในเอปิคเกมส์ และไม่ได้ควบคุมหุ้นของบริษัท (โซนีถือหุ้น 1.4 เปอร์เซ็นต์ในเอปิค ซึ่งหมายถึงดีลนี้เอปิคเกมส์มีมูลค่า 17,860 ล้านเหรียญ

ความร่วมมือนี้สำคัญต่อโซนีเพราะบริษัทต้องการพันธมิตรในสงครามเกมคอนโซลที่กำลังจะมาถึง โดยปลายปีนี้ โซนีมีแผนจะเปิดตัวเพลย์สเตชั่น 5 เพื่อแข่งกับ Xbox ซีรี่ส์Xของไมโครซอฟต์ แต่เอปิคก็ชี้ว่าเกม Unreal Engine 5 และ Fortnite ของตนจะเล่นได้ทุกแพล็ตฟอร์มเพราะเอปิคมีความเป็นกลางโดยทำให้เทคโนโลยีเป็นแพล็ตฟอร์มทั่วถึงทั้งหมด โซนีจะได้เปรียบคู่แข่งจากการลงทุนในเอปิคครั้งนี้หรือไม่ก็ไม่ชัดเจน

ทั้งนี้ เคนิชิโร โยชิดา ซีอีโอของโซนีได้กล่าวในแถลงการณ์ว่าเทคโนโลยีของเอปิคทำให้การพัฒนาเกมของบริษัทอยู่ในแถวหน้าดังที่จะเห็นได้จากฟีเจอร์ต่างๆ ของเกม Fortnite ขณะเดียวกัน ทิม สวีนี ซีอีโอของบริษัทเอปิดก็ได้เปิดเผยว่าทั้งโซนีและเอปิคได้สร้างธุรกิจที่เชื่อมโยงความสร้างสรรค์และเทคโนโลยีและทั้งสองมีวิสัยทัศน์ตรงกันในเรื่องประสบการณ์แบบเรียลไทม์สามมิติซึ่งกำลังจะผสานระหว่างโลกของเกม ภาพยนตร์และดนตรีเข้าด้วยกัน เขายังกล่าวเสริมว่าทั้งสองบริษัทมีแผนที่จะสร้าง “ระบบนิเวศดิจิทัลที่เปิดกว้างและเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้บริโภคและผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์”

ทั้งนี้ในเรื่องของดนตรี ก็คล้ายๆ กับคอนเสริตเสมือนจริงทราวิส สก๊อตต์ในเกม Fortnite ซึ่งดึงดูดผู้ชมมากกว่า 27 ล้านคน เรื่องระบบนิเวศดิจิทัลที่เปิดกว้างและเข้าถึงได้มากขึ้นก็สร้างความฮือฮาให้วงการเช่นกัน เพราะสวีนีเองก็สนับสนุนระบบเปิดมานานแล้ว ในขณะที่โซนีเป็นตัวอย่างหนึ่งของบริษัทที่ปกป้องเทคโนโลยีของตัวเอง อย่างไรก็ตามโซนีก็ทำให้ Fortnite เป็น crossplay game ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นกับเพื่อนที่อยู่คนละแพล็ตฟอร์มได้

อ้างอิง: Venturebeat.com