การล็อคดาวน์อันเนื่องมาจากโรคระบาดไวรัส ทำให้โรงเรียนกว่า 530,000 โรงในหมู่เกาะประเทศอินโดนีเซียต้องปิดตัวชั่วคราว ส่งผลกระทบต่อนักเรียน 68 ล้านคน การเรียนออนไลน์จึงมีบทบาทสำคัญมากในวิกฤตการณ์นี้ ทำให้ครูและสถาบันการศึกษาต้องปรับตัวเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านดิจิทัลอย่างรวดเร็ว
InfraDigital สตาร์ทอัพอินโดนีเซียอาสาช่วยให้การเปลี่ยนผ่านดังกล่าวเป็นไปอย่างราบรื่น โดยพัฒนาระบบบริการชำระเงินดิจิทัลและลงทะเบียนนักเรียนออนไลน์ให้ฟรี บริษัท InfraDigital ซึ่งได้ระดมทุนรอบซีรี่ส์เอ (โดยไม่ได้เปิดเผยจำนวนเงิน) จาก AppWorks ประเทศไต้หวัน ได้ช่วยพัฒนาระบบข้อมูลนักเรียนดิจิทัล ระบบแบ็คออฟฟิศ รวมทั้งระบบชำระค่าเทอมออนไลน์
เอียน แมคแคนนา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท InfraDigital ได้เปิดเผยกับเว็บไซต์ Tech in Asia ว่าบริษัทมีแผนจะใช้เงินทุนนี้อัดฉีดเพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการโรงเรียนจำนวนมากขึ้น โดยจะขยายไปทั่วประเทศอินโดนีเซีย และลงลึกในระดับจังหวัด
สิ่งที่เป็นอยู่ขณะนี้คือโรงเรียนส่วนใหญ่ในอินโดนีเซียยังใช้ระบบทำงานด้วยมือ ขั้นตอนการทำงานต่างๆ ยังเป็นกระดาษและใช้เงินสดเป็นหลัก ซึ่งแมคเคนนาบอกว่านั่นหมายถึงนักเรียนต้องยืนเข้าคิวที่ห้องธุรการช่วงเวลาอาหารกลางวันหรือไม่ก็ครูเป็นคนเก็บเงินโดยตรงจากนักเรียน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ยากต่อการประเมินสถานทางการเงินของโรงเรียนได้อย่างชัดเจน
ยิ่งไปกว่านั้น โซลูชั่นดิจิทัลที่มีอยู่ก็มีราคาแพง โดยเฉพาะสำหรับโรงเรียนที่อยู่ในที่ห่างไกล บริษัท InfraDigital กล่าวว่าโซลูชั่นของบริษัทช่วยให้บางโรงเรียนมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 16 เปอร์เซนต์
ตัวอย่างโซลูชั่นหนึ่งที่บริษัททำ ชื่อ จาริงกัน ไอดีเอ็น (Jaringan IDN) ซึ่งช่วยให้โรงเรียนทำเรื่องการรับสมัครนักเรียน ออกใบเสร็จ และรับชำระเงินได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้พันธมิตรของบริษัทได้แก่ Gojek, Tokopedia, LinkAja, Alfamart, Ayopop และ Indomaret
แมคเคนนา กล่าวว่า บริษัทต้องพูดคุยกับโรงเรียนเพื่อรับทราบข้อมูลที่ชัดเจนก่อนจะลงมือ โดยใช้บทเรียนจากการเข้าไปช่วยพัฒนาระบบดิจิทัลให้กับหลายร้อยโรงเรียน รวมทั้งให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเรื่องการชำระค่าบริการทางไกล
บริษัทอ้างว่า ตนเป็นเครือข่ายการรับชำระเงินลักษณะนี้รายแรกในประเทศ แม้ว่าจะแข่งขันทางอ้อมกับบริการของธนาคารและมีบางฟีเจอร์ที่เหลื่อมล้ำกับแพล็ตฟอร์ม B2B ของ EdTech บางราย แต่ InfraDigital ก็สามารถร่วมมือกับบริษัทเหล่านั้นเนื่องจากเป็นบริการเฉพาะด้าน
โดยปัจจุบัน บริษัทจะยังคงเน้นช่วยโรงเรียนในการจัดการกับความซับซ้อนอันเนื่องมาจากปิดตัวช่วงล็อคดาวน์
“เรามุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิคเพื่อว่าในท้ายสุดแล้ว เราจะสามารถใส่บริการที่เพิ่มมูลค่าให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารโรงเรียน ครู นักเรียนและผู้ปกครอง” อิดาห์ มาร์ยานิ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท InfraDigital กล่าว
แมคเคนน่า มุ่งหวังว่าโรงเรียนส่วนใหญ่จะสามารถติดตั้งโซลูชั่นดิจิทัลในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
“เป้าหมายระยะยาวของเรายังคงเหมือนเดิมคือทำให้ทุกโรงเรียนในอินโดนีเซียมีพื้นฐานดิจิทัลและการเงินที่แข็งแรง ตลาดนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและเราก็ยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก ยังมีโรงเรียนอีกมากมายที่เราต้องเข้าไป”
โดยบริษัทตั้งเป้าจะเข้าถึงทุกโรงเรียนในหมู่เกาะประเทศ ซึ่งมีประมาณ 300,000 โรงเรียน รวมนักเรียนประมาณ 50 ล้านคน
ปัจจุบัน InfraDigital ดำเนินธุรกิจ 12 จังหวัดในอินโดนีเซีย โดยแพลตฟอร์มของบริษัทได้ติดตั้งในสถาบันการศึกษากว่า 300 แห่งรองรับนักเรียนมากกว่า 140,000 คนในเมืองรองและพื้นที่ห่างไกล
ในปี 2018 บริษัทมีรายได้รวม 2.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ได้เปิดเผยตัวเลขรายได้ปัจจุบัน
อ้างอิง: TechinAsia
