มีแนวโน้มว่า “โซนี่” ยักษ์ใหญ่ด้าน Imaging Sensors หรือเซนเซอร์ด้านการแปลงภาพเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำไปใช้ประมวลผลสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ตโฟน, กล้อง DSLR, กล้องมิเรอร์เลส กำลังจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำซัพพลายเออร์ด้านชิปประมวลผลภาพสำหรับเซนเซอร์สามมิติรุ่นต่อไปแล้ว
โดยความเคลื่อนไหวของโซนี่มีขึ้นหลังจากผู้บริหารอย่าง ซาโตชิ โยชิฮาระ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อตะวันตกอย่างสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตชิปสำหรับกล้องสามมิติทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังภายในฤดูร้อนของปีนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทตโฟนจำนวนมากสำหรับการใช้งานเซนเซอร์ดังกล่าว
แน่นอนว่า มันคือการพัฒนาไปสู่แอปพลิเคชันด้าน Augmented Reality ในอนาคต แต่สำหรับในตอนนี้ ความสามารถของชิปที่โซนี่ผลิตขึ้นอาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (Face Identification) ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยหากย้อนอดีตจะพบว่า การปลดล็อกสมาร์ตโฟนด้วยใบหน้าถูกนำมาใช้กับไอโฟนเท็น (iPhone X) ของแอปเปิลก่อนเป็นรายแรก ก่อนจะตามมาด้วยเสี่ยวหมี่, ซัมซุง, หัวเว่ย, วีโว่ ฯลฯ ซึ่งการทำงานของระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้านั้นเป็นการสร้างกริด หรือแผนผังของใบหน้าผู้ใช้งานขึ้นมาในรูปแบบสามมิติ เพื่อใช้ในการตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่
แต่สำหรับเทคโนโลยีของโซนี่นั้นเป็นการวิเคราะห์จากสัญญาณที่ปล่อยออกไป คล้ายๆ กับวิธีที่ค้างคาวใช้ในการหาตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุโดยคิดจากเวลาและทิศทางของการสะท้อนกลับ ซึ่งหัวหน้าฝ่ายเซนเซอร์ของโซนี่ระบุว่า สามารถลงลึกในรายละเอียดของใบหน้าผู้ใช้งานได้มากกว่า และยังปลดล็อกได้แม้ว่าใบหน้าผู้ใช้จะอยู่ไกลออกไปถึง 5 เมตร โดยความสามารถนี้ ส่วนหนึ่งต้องบอกว่ามาจากการควบกิจการบริษัทสัญชาติเบลเยียมชื่อ ซอฟท์คิเนติก (SoftKinetic) มาเมื่อ 2 – 3 ปีก่อน และถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น Sony Depthsensing ในเวลาต่อมา ซึ่งโซนี่เชื่อว่าความสามารถของชิปใหม่จะพลิกโฉมหน้าของเทคโนโลยีนี้ไปได้อย่างสิ้นเชิง รวมถึงทำให้มันกลายเป็นชิ้นส่วนที่อีกหลายอุตสาหกรรมต่างต้องการ โดยหากพิจารณาในเว็บไซต์ของโซนี่จะพบว่า มีการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังรถอัจฉริยะ, โดรน, หุ่นยนต์, แว่นสวมศีรษะ รวมถึงวงการเกมแล้วด้วย ส่วนในตลาดใหญ่อย่างอุปกรณ์มือถือก็มีตลาดให้โซนี่ได้เล่นอย่างแน่นอน เพราะนอกจากปลดล็อกหน้าจอแล้ว โทรศัพท์ที่มีจุดขายเป็นเซลฟี่คาเมร่า ก็ยังสามารถนำชิปตัวนี้ไปติดตั้งเพื่อให้กล้องของสมาร์ตโฟนมีความอัจฉริยะมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ เทคโนโลยีเดิมที่ใช้ในการปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้านั้น จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในตัวเครื่องค่อนข้างเยอะกว่า อีกทั้งยังมีชิ้นส่วนหลายชิ้นที่ต้องประกอบเข้าด้วยกัน แต่ถ้าหากเซนเซอร์ของโซนี่ตัวนี้สามารถรวมทุกอย่างเข้าไว้ในชิปเดียว ก็อาจทำให้มันเป็นที่สนใจของบรรดาบริษัทผู้ผลิตสมาร์ตโฟนมากขึ้น (ยกเว้นแต่กรณีแท็บเล็ตที่ตัวเครื่องมีพื้นที่ค่อนข้างมาก และสามารถแทรกอุปกรณ์ต่างๆ ลงไปได้) ในช่วงปี 2560 ยังเคยมีรายงานว่า แอปเปิลมีแผนจะใช้เซนเซอร์ที่พัฒนาจากเลเซอร์สามมิติกับไอโฟนในปี 2562 ซึ่งถึงวันนี้ ทั้งโซนี่และแอปเปิลต่างไม่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ชื่อของพาร์ทเนอร์จะเป็นใคร แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่า ไอโฟนรุ่นถัดไปจะใช้ชิป 3D-Sensing จากโซนี่นั่นเอง
play youtube,
play youtube,
xnxx,
xhamster,
xvideos,
xnxx,
xxx,
sex việt,
Phim sex,
tiktok download,
MP3 download,
Fragrance Mont Blanc,
phim sex hay,
sex mex,
mp3play,
Crossing Jorden,
Related Posts
สตาร์ทอัพอินเดียโตจริง หรือ "โตกระจุก"?ปฏิเสธไม่ได้ว่าสตาร์ทอัพในจีนแผ่นดินใหญ่และอินเดียต่างเติบโตจนกลายเป็นยูนิคอร์นกันเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี มีตัวเลขที่น่าสังเกตบางประการเกี่ยวกับการเติบโตของสตาร์ทอัพในอินเดีย นั่นคือข้อมูลจาก CB Insight ระบุว่าการลงทุนจากบริษัทต่างชาติที่มีในสตาร์ทอัพของอินเดียตลอดปี 2560 ที่คิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น มีเพียง 206 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่เป็นการลงทุนในระดับ Seed…