ผู้ผลิตรถยนต์ลงทุนสตาร์ทอัพ “ทรานซิท”

9 November 2018 Investment

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ “เรโนลต์นิสสัน และอลิอันซ์เวนเจอร์” บริษัทด้านการลงทุนในเครือของมิตซูบิชิ ประกาศลงทุนใน “ทรานสิท” (Transit) แอปพลิเคชันสัญชาติแคนาดาที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับช่วยให้ประชาชนในเมืองต่างๆ สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องมีรถยนต์แล้ว ด้วยมูลค่าการลงทุน 17.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยถือเป็นการลงทุนซีรีย์บีของทางค่าย

การลงทุนครั้งนี้ยังมีกลุ่ม InMotion Ventures, venture capital fund ของจากัวร์แลนด์โรเวอร์, Accel และ Real Ventures ร่วมด้วย แต่การลงทุนดังกล่าวถูกสื่อตะวันตกมองว่า เป็นการปรับตัวของผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่เพื่อตอบสนองเทรนด์การเดินทางที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค เช่น การนิยมเดินทางด้วยพาหนะที่กระทัดรัด เช่น สกู๊ตเตอร์ กันมากขึ้น

สำหรับทรานซิท ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 โดยตัวแอปพลิเคชันในยุคเริ่มต้นออกแบบมาเพื่อแจ้งเวลาที่รถเมล์ หรือรถไฟจะมาถึงสถานี ต่อมาได้มีการผนวกบริการร่วมเดินทางรูปแบบต่างๆ ทั้งรถยนต์ จักรยาน และสกู๊ตเตอร์เข้าไป เพื่อเสริมให้บริการขนส่งสาธารณะมีความครบถ้วน และส่งต่อคนให้ถึงที่หมายได้มากขึ้น

ปัจจุบัน ตัวแอปฯ สามารถตรวจสอบสถานะของยานพาหนะต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ เช่น ตอนนี้อยู่ที่จุดไหน จะมาถึงป้ายเมื่อไร และจะออกจากป้ายเมื่อไร โดยมีหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ร่วมใช้งานด้วย เช่น MBTA จากบอสตัน, MDOT MTA จากบัลติมอร์, VTA จากซิลิคอนวัลเลย์, PSTA จากเทมป้าเบย์ และ STM จากเมืองมอนทรีออล ของรัฐควิเบค ประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของทรานซิทนั่นเอง

สิ่งที่ทรานซิททำต่อไป คือการเปิด API กับธุรกิจต่างๆ โดยเมืองที่เป็นต้นแบบก็คือมอนทรีออล ผู้คนในมอนทรีออลสามารถใช้แอปฯ นี้เรียกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ฯลฯ จากบริการร่วมเดินทางได้ หรือจะใช้ประกอบเป็นข้อมูลในการขึ้นรถสาธารณะก็ได้เช่นกัน ปัจจุบัน ทรานซิทให้บริการใน 175 เมืองทั่วโลก ซึ่งก้าวต่อไปของทรานซิท คือการอัดฉีดเงินเพื่อสร้างบริการใหม่ๆ ขึ้นมา และพัฒนาระบบชำระเงินขึ้นภายในแอปฯ ด้วย

François Dossa รองประธานของบริษัทด้านการลงทุน อลิอันซ์ โกลบอล กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้ทรานซิทให้บริการได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของอลิอันซ์ ที่ต้องการเป็นผู้นำด้านบริการร่วมเดินทางโดยใช้ยานยนต์ไร้คนขับภายในปี 2022 รวมถึงจัดหายานพาหนะให้กับผู้ที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะด้วย

อ้างอิง: TechCrunch