The National Innovation Agency (Public Organization) or NIA took a group of potential Thai startups…
ฮิโรกิ มิทสึมะตะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JETRO ระบุว่าการร่วมลงนามกับ 3 หน่วยงานหลักในไทย ประกอบด้วย สำนักงานนวัตกรรมการแห่งชาติ (NIA) สมาคม IoT และสมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย เพื่อขยายความร่วมมือด้าน startup, Internet of Things และ e-commerce และการแลกเปลี่ยนข้อมูลการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบัน ในญี่ปุ่นมีสตาร์ทอัพ 10,000 รายที่อยู่ในธุรกิจแถวหน้า แต่มีน้อยมากที่เข้าสู่ตลาดโลก รัฐบาลจึงอยากให้สตาร์ทอัพเหล่านี้เปิดตลาดต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มีการลงทุนจากกลุ่มทุนร่วมทุน (VC) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน การลงทุนจาก VC ในสตาร์ทอัพญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 0.025 ของจีดีพีประเทศ หรือราวแสนล้านเยน และตั้งเป้าเพิ่มเท่าตัวภายในปี 2023
พร้อมกันนี้ ยังได้เร่งตั้งเพิ่มจำนวนสตาร์ทอัพยูนิคอร์นที่มีมูลค่าบริษัทสูงกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 2 บริษัทเป็น 20 บริษัทในอีก 4 ปีข้างหน้า ผ่านโครงการ J-Startup ที่รัฐจะอัดฉีดเงินสนับสนุนสตาร์ทอัพหัวกะทิที่ได้รับคัดเลือก 92 ราย
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว JETROใช้แนวทางส่งเสริม 3 ด้าน ประกอบด้วย โปรแกรมการส่งเสริมนวัตกรรม (JIP: Japan Innovation Program) ที่จะฝึกอบรมให้ความรู้ บ่มเพาะ และจับคู่ธุรกิจ พร้อมเปิดตลาดต่างประเทศ
ล่าสุด JETROได้นำ 7 สตาร์ทอัพญี่ปุ่นมาเปิดจับคู่ธุรกิจในงาน CEBIT ASEAN Thailand 2018 จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย
นอกจากนั้น JETRO ยังมีแผนเปิดโคเวิร์คกิ้งสเปซในไทย ปีหน้า และอนาคตอาจพิจารณาถึงการขยายกิจกรรมเต็มรูปแบบเป็นหนึ่งใน Global Accerlation Program โดยปัจจุบันมีการจัดตั้งใน 12 เมืองใหญ่ทั่วโลก และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งที่สิงคโปร์ ซึ่งใน 12 เมืองที่ได้จัดตั้งไปใช้งบกว่า 200 ล้านเยน
JETRO ยังได้จัดสำนักงานบริการชั่วคราวให้กับสตาร์ทอัพต่างประเทศที่มีแผนเปิดตลาดที่ญี่ปุ่น ในเมืองโตเกียว โยโกฮามา นาโกยา โอซากา โกเบ และฟูกูโอกะ
นายฮิโรกิกล่าวว่าสตาร์ทอัพญี่ปุ่นมีดีปเทค ทั้งปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงค์ หุ่นยนต์และนวัตกรรมอื่นๆ แต่มีข้อจำกัดด้านการตลาด ส่วนสตาร์ทอัพไทย มีไอเดีย ความสร้างสรรค์และการตลาด ที่ทั้งสองประเทศน่าจะประสานความร่วมมือและร่วมกันเปิดตลาด
ทั้งนี้ JETRO มีโครงการนวัตกรรมสาธิตในไทยทั้งด้านอุตสาหกรรมการผลิต ด้วยระบบการผลิตอัตโนมัติ การควบคุมโรงงานจากระยะไกล ด้านการแพทย์ ชุดตรวจเลือดอย่างง่าย ด้านอุตสาหกรรมเกษตรและประมงโดยใช้ IoT
พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ มองว่า ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการส่งเสริมการลงทุนในสตาร์ทอัพ การร่วมลงนามกับ JETRO จะช่วยทำให้ไทยเป็น Landing Pad ดึงดูดให้สตาร์ทอัพต่างประเทศมาตั้งธุรกิจไนไทยมากขึ้น