จบไปอย่างสมบูรณ์กับงานสตาร์ทอัพแฟร์ “Government Procurement Transformation” ที่จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ซึ่งเป็นความพยายามสานต่อนโยบายของภาครัฐที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ “นักรบในเศรษฐกิจใหม่” ให้รวดเร็วมากขึ้น โดยการสร้างตลาด “ภาครัฐ” เป็นกลจักรการเร่งโต และดึงนวัตกรรมจากสตาร์ทอัพที่เข้ามาตอบโจทย์การปฏิรูปภาคราชการ พร้อมๆ กับปลดล็อกข้อจำกัด ทะลายพันธนาการการจัดซื้อแบบเดิมๆ
ในงานดังกล่าว มีนิทรรศการโชว์ผลงาน พร้อมเสวนาที่แสดงถึงตัวอย่างความสำเร็จของสตาร์ทอัพที่ได้เข้าไปช่วยแก้ pain point ให้กับภาครัฐ เช่น การใช้บริการ QueQ ลดเวลาที่คนไข้ต้องรอตรวจรักษาให้กับโรงพยาบาลราชวิถี
ในภาพรวม มีหน่วยงานรัฐกว่า 23 หน่วยงาน จาก 28 สตาร์ทอัพมาให้บริการ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น โดยบางส่วนยังมีการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงกับหน่วยงานภาครัฐระหว่างสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA)
อีกทั้งยังมีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการพัฒนาการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กับวิสาหกิจเริ่มต้น ระหว่างสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และธนาคารออมสิน” และการลงนามความร่วมมือ “โครงการแสดงมหกรรมศิลปกรรมร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale Krabi 2018”
ทั้งนี้ เฉพาะการจัดงาน 2 วัน มีสตาร์ทอัพมาแสดงกว่า 80 สตาร์ทอัพ ใน 7 กลุ่มโซลูชั่น ทั้งด้านความมั่นคงป้องกันประเทศ ด้านภาครัฐดิจิทัล การพัฒนากำลังคน การอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ การพัฒนาท่องเที่ยวส่งเสริมการเรียนรู้ การบริการสาธารณูปโภค และการพัฒนาตลาดในประเทศ คาดว่าจะเกิดการจับคู่ธุรกิจและสตาร์ทอัพ รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งเป้าสร้างตลาดรัฐให้กับสตาร์ทอัพไทย 30,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี หรือคิดเป็นร้อยละ 1 ของงบประมาณราชการ
ดึงนวัตกรรมเร่งปฏิรูปภาครัฐ
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวในงานเปิดงานสตาร์ทอัพแฟร์ “Government Procurement Transformation” กับแนวคิดปลดล็อกข้อจำกัดพัฒนาสตาร์ทอัพสู่ตลาดรัฐว่า นวัตกรรมจากสตาร์ทอัพไทยน่าจะสามารถเข้ามาช่วยปฏิรูประบบราชการในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและพัฒนาการให้บริการกับประชาชน
นอกจากนั้น รัฐจะเป็น “ตลาดสำคัญ” ที่จะช่วยเร่งการเติบโตให้กับสตาร์ทอัพไทยด้วย เนื่องจากภาครัฐเน้นความน่าเชื่อถือคุณภาพการให้บริการ ก็จะเป็น “Reference” ให้กับลูกค้าอื่นๆ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้นได้
ปัจจุบัน รัฐเร่งผ่านกฎหมาย Regulatory Sandbox เพื่อให้สตาร์ทอัพเอสเอ็มอีได้ทดลองการให้บริการและพัฒนาสินค้ากับภาครัฐ โดยไม่ต้องกังวลกับข้อจำกัดระเบียบราชการ ซึ่งจะทดลองในพื้นที่เฉพาะส่วนก่อนในเวลาหนึ่ง เพื่อให้หน่วยงานเกิดความมั่นใจ หลังจากนั้น หากพบว่าเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจ ก็จะมีการเขียนข้อกำหนดเงื่อนไขการประมูลงานราชการแบบใหม่ (new TOR)
พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เสริมว่า รัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการที่มีตัวแทนจากหลายหน่วยงาน เช่น สำนักงานงบประมาณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และอื่นๆ จัดทำบัญชีจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและปรับปรุงเกณฑ์อ้างอิงพิเศษ ซึ่งจะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดจัดซื้อภาครัฐ จากนั้น NIA จะได้ทำการอบรมการเขียนเกณฑ์อ้างอิงแก่เจ้าหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐต่อไป
จากการสำรวจหน่วยงานราชการ พบความต้องการภาครัฐเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือภาครัฐที่ต้องการพัฒนาบริการของตนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีใหม่เช่น big data, artificial intelligence, chatbot, และ IT inspector
กลุ่มสอง ภาครัฐจัดซื้อแล้วแต่ไม่มีผู้ดำเนินการ โดยทำให้รัฐต้องคืนเงินงบประมาณปีละ 12,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระบบที่สตาร์ทอัพหรือเอสเอ็มอีสามารถให้บริการได้ แต่ไม่ทราบว่ามีโครงการ และอาจขาดคุณสมบัติการเข้า e-bidding ตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
กลุ่มสาม ได้แก่ กลุ่มตลาดทั่วไปที่เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพต้องแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งอาจขาดคุณสมบัติเข้าร่วมประมูล
ทั้งนี้ มีตัวอย่างน่าสนใจจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ เทศบาลเมืองมีโมเดลการจัดซื้อพิเศษให้กับสตาร์ทอัพ รวมถึงในอินเดีย ที่จัดทำ startup portalให้หน่วยงานราชการ
NIA เชื่อมั่นว่า การปลดล็อกตลาดภาครัฐให้กับสตาร์ทอัพ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งที่ยั่งยืนให้สตาร์ทอัพมีความสามารถเติบโตในตลาดในประเทศได้ และจะช่วยต่อยอดให้ลูกค้าภาครัฐเป็น “site reference” อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าเอกชนมากขึ้นอีกด้วย
play youtube,
play youtube,
xnxx,
xhamster,
xvideos,
xnxx,
xxx,
sex việt,
Phim sex,
tiktok download,
MP3 download,
Fragrance Mont Blanc,
phim sex hay,
sex mex,
mp3play,
Crossing Jorden,
Related Posts
โนเกีย หนุนรัฐไทยดัน 5G ปี 2020บริษัทผู้ผลิตเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ โนเกีย ประเทศไทย หนุนการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 5 เซบาสเตียน โลรองท์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย โนเกีย กล่าวว่า การเร่งจัดสรรคลื่นความถี่ที่เหมาะสม จะเป็นการเตรียมความพร้อมให้ไทยทันกับการปรับใช้เทคโนโลยี 5G